- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 03 March 2015 18:40
- Hits: 2496
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อตามค่าบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิดลดลง 4.87 จุดที่ 1582.14 และในวันลดลงไปต่ำสุดที่ 1573.64. (-13.37 จุด) ถึงแม้ว่าจะมีความหวังกับ QE ยูโรโซน แต่ปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจซบเซามีมากกว่า รวมทั้งผลประกอบการปี 57 ออกมาซบเซา ตัวเลขรวบรวมล่าสุดพบว่ากำไรสุทธิ 4Q57 ลดลง 65%YoY และลดลง 58%QoQ เป็น 6.98 หมื่นล้านบาท ส่วนทั้งปี 57 กำไรสุทธิลดลง 11%YoY เป็น 7.03 แสนล้านบาท กลุ่มที่นำขายสุทธิคือ พอร์ตบล. ส่วนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิไม่มาก รายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ
ในระยะสั้นตลาดกำลังมองหาปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดหลังจากจบรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยความคาดหวังอยู่กับโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของยูโรโซนที่กำลังเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค.58 นี้ ตลาดเงินได้ตอบรับโครงการนี้ด้วยค่าเงินยูโรที่อ่อนลงต่อเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่ามีโอกาสลงไปแตะ 1.1 ดอลลาร์ต่อยูโรในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังไม่ได้ตอบสนองเรื่องนี้มากนัก กลยุทธ์การลงทุน เป็นการทยอยซื้อลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโต/ฟื้นตัวได้ในปี 58 ซึ่งหุ้น Top Picks เดือนมี.ค.58 ของเราเป็น AP, AOT,INTUCH และ TOP ส่วน Dark Horse เป็น SEAFCO และ VNG หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น IVL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่อาจมีรีบาวด์สั้นก่อนลงต่ำต่อ แนวต้านระยะสั้นให้ไว้ที่ 1600-1610 จุด ค่าลบควรชะลอการลงทุน การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น การอ่อนตัวจะมีแนวรับ 1570, 1550 จุด
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : ภาคการผลิตสำรวจโดยมาร์กิตฟื้นตัวดี แต่ของ ISM อ่อนลง ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐประจำเดือนก.พ.อยู่ที่ 55.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ 53.9 โดยคำสั่งซื้อใหม่และการผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.57 อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของ ISM พบว่าการผลิตในเดือนเดียวกันอยู่ที่ 52.9 ลดลงจาก 53.5 ในเดือนม.ค. โดยปรับลดลงเป็นเดือนที่ 4
- สหรัฐ : ค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้างม.ค.58 ลดลง โดย -1.1%MoM หลัง+0.8%MoM ในเดือนธ.ค.57 ส่วนมูลค่าก่อสร้างโดยรวมทั้งปี 57 ปรับขึ้น+5.6%YoY ใกล้เคียงกับปี 56 ที่ +5.7%YoY
+ จีน : คาดหวังผลบวกต่อเศรษฐกิจจากการลดดอกเบี้ย นักวิเคราะห์มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีนจะช่วยลดต้นทุนในการกู้ยืมของบรรดาผู้ประกอบการ และสามารถสกัดความเสี่ยงด้านเงินฝืด ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 5.35% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.50%
• รัสเซีย & ยูเครน : รมว.พลังงานของสองประเทศประชุมฉุกเฉินแก้ปัญหาขาดแคลนก๊าซ เนื่องจากบริษัทก๊าซพรอมของรัสเซียขุ่ที่จะระงับการจัดส่งก๊าซไปยังยูเครน เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินค่าก๊าซล่วงหน้า โดยการประชุมครั้งนี้จะมีคณะกรรมาธิการยุโรปเป็นคนกลาง เพื่อให้รัสเซียยังส่งก๊าซเข้าไปยังยูเครนต่อไป ทั้งนี้ยุโรปนำเข้าก๊าซ 40% จากรัสเซียโดยครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่นำเข้าผ่านท่อก๊าซของยูเครน (ค่าก๊าซอยู่ที่ประมาณวันละ 15 ล้านUS$)
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นรับข่าวจีนลดดอกเบี้ย โดยดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น155.93 จุด หรือ +0.86% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 44.57 จุด หรือ +0.90%ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 12.89 จุด หรือ +0.61%
• สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลง โดย WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 17 เซนต์ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ร่วงลง 3.04 ดอลลาร์ ปิดที่59.54 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือนก.พ.ของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 30.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรล แตะที่ 9.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 4.90ดอลลาร์ หรือ -0.40% ปิดที่ระดับ 1,208.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากแรงขายทำกำไรหลังพุ่งขึ้นมา 3 วันทำการต่อเนื่อง รวมทั้งมีข่าวว่ารัฐบาลอินเดียจะยังคงตรึงภาษีการนำเข้าทองคำไว้ที่ระดับ 10% ซึ่งตรงข้ามกับที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอินเดียจะปรับลดภาษีนำเข้าทองคำลง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
-/+ ผลประกอบการปี 57 หดตัว 11%YoY จากตัวเลขรวบรวมล่าสุดของเราเมื่อค่ำวานนี้ (3 มี.ค.58) พบว่ากำไรสุทธิบจ.ใน 4Q57 ลดลง65%YoY และลดลง 58%QoQ เป็น 6.98 หมื่นล้านบาท ส่วนทั้งปี 57กำไรสุทธิลดลง 11%YoY เป็น 7.03 แสนล้านบาท
# กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิหดตัวแรง ใน 4Q57 คือ พลังงาน,เหมืองแร่, บรรจุภัณฑ์, ปิโตรเคมี, เกษตร, อิเลคทรอนิกส์, สื่อ &บันเทิง, อาหาร และขนส่ง ส่วนทั้งปี 57 กลุ่มที่กำไรสุทธิลดลงมากเป็น พลังงาน, ปิโตรเคมี, สื่อ & บันเทิง, ท่องเที่ยว, ขนส่ง, บริการก่อสร้าง, ยานยนต์, เกษตร
# กลุ่มที่มีกำไรสุทธิดีขึ้นใน 4Q57 (เริ่มฟื้นตัว/เติบโตดี) ได้แก่พาณิชย์ (ฟื้นตัว), ยานยนต์ (ฟื้นตัว), ท่องเที่ยว (ฟื้นตัว), ขนส่ง (ฟื้นตัว), สื่อสาร (เติบโตดี), ประกัน (เติบโตดี), อสังหาริมทรัพย์ (เติบโตดี)
• กลุ่มที่ DBSV คาดว่าจะมีกำไรฟื้นตัวหรือเติบโตดีเป็นเลขสองหลักในปี 58 ประกอบด้วย
# พลังงาน - Turnaround หุ้นเด่น TOP
# ปิโตรเคมี - Turnaround หุ้นเด่น PTTGC, IVL
# วัสดุก่อสร้าง - หุ้นเด่น SCC, TASCO หุ้น Turnaround เป็น VNGปันผลดี DCC
# รับเหมาก่อสร้าง – หุ้นเด่น CK, SEAFCO
# อาหาร - หุ้นเด่น MINT, TUF
# อสังหาริมทรัพย์ – หุ้นเด่น AP, PS, LPN, QH, CPN
# ขนส่ง –Turnaround เป็น AAV ปันผลเด่น BECL
# โรงพยาบาล – หุ้นเด่น CHG
สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์, สื่อสาร และพาณิชย์ เราประเมินว่าการเติบโตของกำไรสุทธิจะไม่โดดเด่นมากในปี 58 แต่ธุรกิจมีความมั่นคงและได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวดี ซึ่งคาดว่าจะเห็นได้ในปี 59 กลยุทธ์การลงทุนจึงเป็นทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่มีความน่าสนใจที่จ่ายปันผลสูงมากด้วย
• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.พ.58 ของไทย -0.52% (ม.ค.58 อยู่ที่ –0.41%) และ 2M58 เป็น -0.47% ซึ่งเป็นผลจากราคาพลังงานลดลงมากแต่ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนก.พ.58 เพิ่มขึ้น 0.12% จากเดือนม.ค.58 จากราคาอาหาร ผัก & ผลไม้ เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนและราคาน้ำมันค้าปลีกขยับขึ้น สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเดือนก.พ.58เพิ่มขึ้น 0.23%MoM แต่ในเดือนมี.ค.58 ก็อาจอ่อนลงมาอีกรอบ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]