WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Test 1595-1600
ตลาดหุ้นวานนี้:
      ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา แกว่งในกรอบแคบ 1,590 จุด +/- หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนัก เพราะสินเชื่อเดือนม.ค.ที่ชะลอตัว และภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่แข็งแกร่ง แต่หุ้นกลุ่ม ICT ยังคงช่วยจำกัดความเสี่ยงของตลาดโดยรวม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 6.54 จุด มาอยู่ที่ 1,587.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56,707 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 อีก 767 ล้านบาท และกลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 9,755 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไร และนำเงินเข้าพักในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 มากถึง 9,582 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ เงินฝาก 0.25% เหนือความคาดหมายของนักลงทุนทั่วโลก
•รัฐบาลอินเดีย เตรียมลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 25% เป็นเวลา 4 ปี เพื่อกระตุ้นการลงทุน และการจ้างงานภาคเอกชน
•ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ.ของไทย Bloomberg consensus คาด -0.5% yoy จากเดือนม.ค.ที่ -0.41% yoy
•ติดตามการออกขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์รอบใหม่ ณ ปัจจุบันมี บลจ.ธนชาติ และ บลจ.ไทยพาณิชย์ เตรียมออกขาย

มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 6 แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค.ของไทยจะยังอ่อนแอ มีเพียงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง 15.9% yoy เป็น 2.65 ล้านคน แต่บวกกับปัจจัยเด่นต่างประเทศในวันนี้ ธนาคารกลางจีนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 อีก 25bps จากครั้งแรกเดือนพ.ย. 2557 เราเชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงจะกลับมาคึกคัก และเอื้อต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้
ขณะที่ปัจจัยการลงทุนภายในประเทศยังขาดความน่าสนใจ เพียงแต่ Downside risk ของ SET INDEX เป็นไปอย่างจำกัด แนวรับ 1,570 จุด +/- เชื่อว่าจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของทั้งจีน และ การเริ่มโครงการ QE ของ ECB ในเดือนมี.ค. จะทำให้แรงขายจากต่างชาติชะลอตัว แต่เราไม่คาดหวังที่จะเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างหนาแน่นเช่นกัน เพราะ ราคาหุ้นหลัก ณ ปัจจุบัน เทียบกับ การเติบโตของกำไรในปีนี้ ยังอยู่ในโซนแพง หุ้นหลักที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเด่นราว 3% +/- น่าจะเป็นทางเลือกของนักลงทุนต่างชาติในช่วงสั้นเท่านั้น
ตลาด Nikkei – Kospi (7.35 น.) เปิดบวกเฉลี่ย 0.5% ต่อตลาด จากค่าเงินเอเชียที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และมาตรการของธนาคารกลางจีน เป็นบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชีย

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย ควรถือเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,620 จุด +/- หรือผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจขายทำกำไรรอบสั้น”
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: BMCL / WHA

Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.WHA : ราคาปิด 36.00 บาท ราคาเหมาะสม 43.13 บาท
a)WHA รายงานผลประกอบการ 4Q57 กำไรสุทธิ 914 ล้านบาท ขยายตัวสูงจาก 3Q57 ที่มีกำไรสุทธิ 5 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้าสู่กองทรัสต์ในเดือน ธ.ค. 2557
b)พร้อมทั้งประกาศแตกพาร์จาก 1.00 บาท เป็น 0.10 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขาย โดยจะเสนอวาระต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เม.ย. 2558
c)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาวจากการเข้าซื้อ HEMRAJ เนื่องจากจะส่งผลให้ WHA ก้าวขึ้นสู่ผู้นำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ทั้งธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าแบบ Built to Suit และการขายที่ดินเชิงพาณิชย์ในนิคมอุตสาหกรรม
d)ภายใต้สมมติฐานการได้หุ้น HEMRAJ ราว 53% จะส่งผลให้กำไรหลังรวม HEMRAJ เข้าสู่งบการเงินรวมเติบโตถึง +52.4% yoy เป็น 1,890 ล้านบาท ในปี 2558 และ+74% yoy เป็น 3,300 ล้านบาท ในปี 2559
2.BMCL : ราคาปิด 2.16 บาท ราคาเหมาะสม 2.42 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวก หลังเข้าร่วม Roadshow กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในวันศุกร์ที่ผ่านมา
b)ราคาหุ้นมีประเด็นบวกระยะสั้นรออยู่ โดยคาดว่ากระทรวงคมนาคมจะนำเสนอที่ประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้
I.เพื่อเสนอให้เจรจากับ BMCL ผู้ให้บริการรถไฟฟาสายสีน้ำเงินในปัจจุบันได้เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องในการเดินรถ และประหยัดค่าก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง รวมทั้งระบบควบคุมการเดินรถ
II.และอาจเปลี่ยนการจ้างงานแบบ Gross Cost คือการจ้างเอกชนทำหน้าที่เดินรถแล้วจ่ายเงินเป็นค่าจ้างแบบกำหนดราคาคงที่ เป็นแบบ Net Cost คือให้สิทธิเอกชนในการเก็บค่าโดยสารและแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐฯ ซึ่งเป็นรูปแบบผลตอบแทนเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในปัจจุบัน
c)และเชื่อว่าการควบรวมกับ BECL จะส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เนื่องจากจะส่งผลให้บริษัทใหม่ (BEM) ภายใต้การควบรวมแบบ Amalgamation มีความแข็งแกร่งมากทั้งฐานะการเงิน และโครงสร้างธุรกิจที่ครบวงจร และเปิดโอกาสในการเข้าประมูลงานระบบขนส่งมวลชนของประเทศได้มากขึ้น
d)แนะนำ “ทยอยสะสม” เพื่อใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นบริษัทใหม่ (BEM) และราคาเหมาะสมของเรามี Upside Risk จากการควบรวมกิจการ และการจ้างเดินรถแบบ Net Cost ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก US$284 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$294 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 280.6 280.6 5,342.2 13,190.4 9,188.0
KOSPI -0.2 0.1 132.7 6,165.50 4,875.1
JSE 16.2 96.7 848.9 3,750.60 -1,806.4
PSE 8.9 0.5 900.8 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 1.6 3.6 55.0 135.6 263.2
SET INDEX -23.7 -88.0 -340.7 -1,091.4 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายตลาดหุ้นไทย และนำเงินเข้าพักในตลาดตราสารหนี้
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -767 -2,861
SET50 Index Futures (สัญญา) -9,755 +2,325
SSF (สัญญา) +182 -723
Metal Futures (สัญญา) -678 -660
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +9,582 +4,041

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 อีก 767 ล้านบาท รวม 11 วันทำการ ขายสุทธิ 14,758 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิมากขึ้นเป็น 11,168 ล้านบาท หลังตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค. ยังไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัว
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short ใน SET50 Index Futures อีกครั้งและมากถึง 9,755 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ กดดันให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 5.70 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.60 จุด
และนักลงทุนกลุ่มนี้นำเงินสดเข้าพักที่ตลาดตราสารหนี้ ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 มากถึง 9,582 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ซื้อสุทธิ 18,077 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงเล็กน้อย สะท้อนได้จากผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 0.42bps ปิดที่ 2.690%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 235 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 588 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 41.92 3.52% 217.22
TRUE 31.82 0.78% 14.79
SCCC 20.16 42.00% 424.48
ADVANC 19.56 1.60% 233.18
BAY 17.97 17.83% 63.09

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นกลุ่ม ICT และลดน้ำหนักกลุ่มธนาคาร เช่นเดิม
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 871 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 1,755 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่ม ICT สะสมหุ้นหนาแน่น และลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารเช่นเดียวกับวันก่อนหน้า สรุปภาพการลงทุนของ NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 มากถึง 922 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 717 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 324 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 195 ล้านบาท และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ซื้อสุทธิ 191 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุด 648 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 146 ล้านบาท เท่ากับกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 146 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 574.91 40.39 BBL -563.35 34.88
TRUE 213.03 5.80 PTTGC -144.64 17.31
MAJOR 211.20 44.27 CPALL -132.89 28.35
IRPC 188.05 11.57 BECL -120.74 10.78
EA 117.70 19.79 KBANK -97.70 46.52

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!