- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 February 2015 15:59
- Hits: 1258
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Outlook
EU รับข้อเสนอกรีซ ขณะที่ Fed ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยภายในกลางปีนี้: SET ฟื้นตัวตั้งแต่เปิดตลาดนำโดยแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับลดลงแรงก่อนหน้านี้อย่าง PTT SCC KBANK ปิดตลาดที่ 1,598.66 จุด หรือ +0.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 546 ล้านบาท...สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ คาดฟื้นตัวต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ด้วยแนวต้านย่อย 1,606-1,610 จุด จาก 1) EU เห็นชอบให้เงินช่วยเหลือกรีซต่อไปอีก 4 เดือน 2) ประธาน Fed ยังกังวลต่อการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน และยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยภายในกลางปีนี้เป็นอย่างน้อย ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับลดลงต่ำกว่า 2% ขณะที่เป้าหมายหลักระยะสัปดาห์อยู่ที่ 1,650/1,700 จุด เหมือนเดิม
“เก็งกำไร” TRUE และ “ซื้อ” CK: กลยุทธ์หลักแนะนำ “Selective” ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยัง
แนะนำ “ซื้อ” CK (พื้นฐาน 31 บาท) จาก 1) ได้รับผลดีโดยตรงจากโครงการลงทุนภาครัฐฯ 2) การควบรวม BMCL+BECL มีโอกาสถูก Re-Rating บริษัท Merged Co. ในอนาคต 3) ธุรกิจไฟฟ้าผ่าน CKP มีแนวโน้มขยายตัวแกร่งในอนาคต ขณะที่ “เก็งกำไร” TRUE จากผลการดำเนินงาน 4Q14 ที่คาดว่าออกมาดี ด้วยเป้าหมายระยะสั้น 14.4/15.4
Tactical Portfolio (1-3 months)
TNS แนะนำ AOT, BLA, BGH, CK, ROBINS, SAMART, SAWAD, SEAFCO, SPALI และ TUF ต่อเนื่อง
CK…”ซื้อ” ได้รับผลดีโดยตรงจากโครงการลงทุนภาครัฐฯ: แนะนำ “ซื้อ” CK ด้วยเป้าหมายพื้นฐานที่ 31 บาท และระยะสั้นที่ 29 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ธุรกิจรับเหมาฯ ได้รับผลดีจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลโดยตรงในระยะ 5 ปีข้างหน้า 2) การควบรวมบริษัท
BECL และ BMCL ในรูปแบบ Amalgamation มีโอกาสที่ Merged Co. จะถูก Re-rating ในอนาคต ด้วย Market Cap ที่ใหญ่ขึ้นในปัจจุบันที่ 7.8 หมื่นล้านบาท โครงการลงทุนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และ Balance Sheet แข็งแกร่งขึ้น 3) กระแสเงินสดจาก TTW แข็งแกร่ง และธุรกิจไฟฟ้าผ่าน CKP มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 4) ด้วยราคาหุ้นลูกอย่าง BECL TTW CKP BMCL ที่ปรับสูงขึ้น คิดเป็นประมาณ 72% ของ Market Cap ของ CK (3.4 หมื่นล้านบาท จาก Market Cap ของ CK ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท) และ 5) เมื่อพิจารณาในเชิงเทคนิค ราคาหุ้น CK ปรับลดลงไปปิด Gap ทางเทคนิคที่ 26.75 บาท คาดค่อยๆ ฟื้นตัวโดยมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 29 บาท และเป้าหมายพื้นฐานที่ 31 บาท
Technical
เลือกซื้อหุ้นรายตัว : ตลาดลักษณะแกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยมต้องติดตามวันนี้ถ้าดัชนี SET ขึ้นต่อปิดบวกเหนือระดับ 1605 จุดได้ จะพ้นขึ้นเหนือแนวเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 7-14-21 วัน มีโอกาสอีกครั้งที่จะขึ้นไปทดสอบ 1620 จุด เป็นแนวต้านสำคัญระยะสั้น เมื่อผ่าน 1620 จุดได้ จะเกิดสัญญาณซื้อตามมีเป้าหมาย 1650 จุด แต่ยังต้องระมัดระวังความเสี่ยงขาลงที่ตลาดจะหลุดแนวรับย่อย 1590-1595 จุด เป็นจังหวะขายลดพอร์ตเนื่องจากมีพื้นที่ด้านล่างลึกไปถึงบริเวณ 1560 จุด สำหรับวันนี้คาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1595-1605 จุด
หุ้นซื้อระยะสั้น: TRUE ดีดตัวขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายสนับสนุน หลังจากพักตัวในกรอบแนวโน้มขาขึ้น มีโอกาสขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 14.40 บาท ผ่านไปมีแนวต้านตามกรอบแนวโน้มที่ 15.40 บาทITD แกว่งตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้งหลังพักตัวสร้างฐานระยะสัปดาห์ มีสัญญาณบวกจากเครื่องมือ DI ต่อเนื่อง มีแนวต้านแรกที่ 9.60 บาทซึ่งเป็นจุดสูงสุดก่อนหน้า และมีเป้าหมายสำคัญที่ 10.50 บาท
TFEX Recommendation
SET50 Futures: แนะนำ “Trading” กรอบ 1,038-1,052 จุด สัญญา S50H15 รอยืนยันทิศทางระยะสัปดาห์ โดยการปรับสูงขึ้นเหนือ 1,052 จุด จะเป็นสัญญาณการเปิดสถานะ Long อีกครั้ง ด้วยเป้าหมายการปรับสูงขึ้นไปที่ 1,070/1,076 จุด
Gold Futures: แนะนำ “ถือ” สถานะ Short สัญญา GFG15 แต่แนะนำให้ปิดสถานะ Short ทันทีในกรณีที่ GFG15 ทะลุ 18,700 บาท ซึ่งจะทำให้สถานะ Long กลับมาได้เปรียบระยะสั้น
Oil Futures: แนะนำ “Trading” ในกรอบ 1,860-2,050 รอยืนยันทิศทางระยะสัปดาห์ไปก่อน โดยราคาน้ำมันมีสัญญาณการ “พักฐาน” ระยะสั้นเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตามเราประเมิน Downside Risk จำกัด จากแนวโน้มระยะสัปดาห์ที่ยังเป็น “บวก” ต่อเนื่อง
Thai Strategy Team นพดล พิริยวุฒิ