- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 February 2015 16:34
- Hits: 1364
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะปรับลงแต่ก็ลุ้นทรงตัว..ก่อนขึ้นต่อได้ ดังนั้นเน้นถือ!!
กลยุทธ์ : แม้ SET ยังผันผวนและปรับตัวลงอยู่ แต่ FSS คาดว่ากรอบพักตัวยังแคบและลุ้นกลับไปแกว่งบวกขึ้นหาเป้าหมายได้ ดังนั้นซื้อแล้วยังเน้นถือ
หุ้นเด่นทางเทคนิค : NMG, PCA, CPN(short)
แนวโน้ม : SET ยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นต่างประเทศเป็นหลัก โดยวานนี้นอกเหนือจากความวิตกเกี่ยวกับโอกาสในการที่เฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดแล้ว ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนแอด้วย ขณะที่เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ปิดปรับตัวลดลงแรงพอควร เนื่องจากความกังวลที่ว่าการเจรจาปัญหาหนี้ของกรีซอาจจะล้มเหลว หลังจากผู้นำกรีซยืนกรานว่าจะไม่ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัด อย่างไรก็ตามความกังวลต่างๆ ไม่ได้กดดันตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้รุนแรงนัก โดยส่วนใหญ่เปิดมาแกว่งตัวด้านลบแคบๆ แต่ยังทรงตัวได้ ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในบ้านเราก็ไม่ได้มีออกมามากนัก โดยค่าเงินบาทยังสามารถทรงตัวในด้านแข็งค่าอยู่ ซึ่ง FSS ยังคาดว่าแรงซื้อจากการเก็งกำไรผลประกอบการของ บจ. ต่างๆ ที่กำลังจะทยอยประกาศกันออกมาในช่วงถัดจากนี้ น่าจะช่วยหนุนให้ SET กลับไปขยับขึ้นได้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มกลับมาแกว่งบวกได้อีกครั้ง ก็น่าจะช่วยหนุนแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย ดังนั้น FSS ยังคาดว่า SET จะสามารถแกว่งบวกขึ้นหาจุดสูงสุดเดิมแถว 1649.77 จุดได้ตามคาด
แนวรับ 1600-1596 , 1590-1585 จุด
แนวต้าน 1606-1610 , 1615-1620 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณเบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$117.8 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$37.3 ล้าน อินโดนีเซีย US$28.8 ล้าน และเวียดนาม US$10.9 ล้าน แต่ขายเกาหลีใต้ US$173 ล้าน และไทย US$12.1 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) DTAC จะประกาศงบฯเย็นนี้ กำไรโดยรวมสู้ ADVANC ไม่ได้ เราคาดกำไรปกติของ DTAC ใน 4Q14 ฟื้น 2% Q-Q ตามฤดูกาล แต่ลดลง 8% Y-Y จาก ARPU และ Net Add ที่ยังติดลบ ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพิ่มคุณภาพเครือข่าย ส่งผลให้กำไรปกติปี 2014 คาดว่าหดตัว 3% Y-Y เราคาดกำไรปกติปี 2015 โตเพียง 8% Y-Y โตต่ำกว่า ADVANC ที่เราคาดโต 13% Y-Y เรายังให้คำแนะนำเป็นซื้อ DTAC ด้วย upside ที่มากกว่า 10% จากราคาเป้าหมายที่ 110 บาท แต่ยังคงชอบ ADVANC (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 300 บาท) มากกว่า
(0) BTS ประกาศกำไรสุทธิ 3Q15 (ต.ค.-ธ.ค. 2014) 981.3 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการขายที่ดินและขายเงินลงทุน 493 ล้านบาท หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติลดลง 20% Q-Q แต่เพิ่ม 24% Y-Y แม้ว่ารายได้จากการเดินรถจะเพิ่มขึ้นเพราะรับรู้ในส่วนต่อขยายสายสีลมเต็มไตรมาส แต่ชดเชยไม่ได้กับรายได้จากคอนโดและธุรกิจโฆษณาที่ลดลงต่อเนื่อง แนวโน้มกำไรปี 2015-16 ไม่ได้เติบโตสูงเหมือนในอดีตเพราะรายได้จากธุรกิจอสังหาฯชะลอ แต่ BTS เป็นหุ้นที่มีเงินปันผลแน่นอน ให้ Yield 6-7% ต่อปี และมีโอกาสได้งานเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียว ยังคงแนะนำซื้อ เป้าหมาย 11.80 บาท
(0) CK เราคาดกำไรสุทธิ 4Q14 ลดลง 67% Q-Q และ 6% Y-Y แม้จะมีกำไรจากการขาย CKP ประมาณ 199 ล้านบาท แต่น้อยกว่ากำไรจากการขาย BMCL ใน 3Q14 สำหรับการรวมกิจการของ BMCL และ BECL จะทำให้กำไรของ CK ดีขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ Merged Co. ตามสัดส่วนที่จะถือคือ 26.5% เทียบกับเดิมที่รับรู้เฉพาะส่วนแบ่งขาดทุนของ BMCL ขณะที่ BECL รับรู้ในรูปเงินปันผล อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายของเราที่ 33 บาท จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.50 บาทเพราะ Book value ของธุรกิจก่อสร้างยังเท่าเดิม
(-) MCOT คาดกำไร 4Q14 ยังลดลงหนักต่อเนื่อง -35% Q-Q, -82% Y-Y เหลือเพียง 58 ล้านบาท จากรายได้ค่าโฆษณาที่ลดลงจากการแข่งขันจากช่องทีวีดิจิตอลใหม่ๆเพิ่มสูงขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2014-15 ลง 13% และ 26% ตามลำดับ ทำให้คาดกำไรปี 2014 หดตัว 66% Y-Y และปีนี้หดตัวต่อเนื่อง 10% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 13.50 บาทจากเดิม 15.50 บาท ยังคงแนะนำขาย
(+) BGH เข้าลงทุนในบริษัทเยเนอรัล ฮอสปิตัล โปรดัคส์ ซึ่งทำธุรกิจผลิตน้ำยาปราศจากเชื้อสำหรับฉีดเข้าหลอดโลหิตดำ เช่นน้ำเกลือ น้ำตาลกลูโคสและเวชภัณฑ์อื่นๆ ในสัดส่วน 40% มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 350 ล้านบาท ปัจจุบันซื้อส่วนแรกแล้ว 20.03% ส่วนที่เหลือคาดแล้วเสร็จภายใน 2Q15 กลยุทธ์นี้ทำให้มีธุรกิจครบวงจรในด้านการแพทย์ จะส่งผลดีในระยะยาวโดยใช้ประโยชน์จาก Scale ของ BGH ที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลในปัจจุบันถึง 39 แห่งและจะเป็น 50 แห่งในปี 2016 แต่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาจนเต็มมูลค่าที่ 20.50 บาท แต่เนื่องจากกำไรใน 4Q14 จะออกมาดี แนะนำซื้อเก็งกำไรผลประกอบการระยะสั้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องแม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่การเจรจาของกรีซกับเจ้าหนี้ที่ยังไม่มีความคืบหน้ายังเป็นปัจจัยกดดัน
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันโดยกรีซยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ในเรื่องการขอความช่วยเหลือทางการเงิน ขณะที่ความไม่สงบระหว่างรัสเซียกับยูเครนกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น นอกจากนี้ตลาดยังจับตาตัวเลขเงินเฟ้อจีนเช้านี้ที่คาดว่าจะชะลอตัวลง
ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกข้างโดยเคลื่อนไหวในกรอบ 32.48-32.65 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 52.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย OPEC มีคาดการณ์ว่าอุปสงค์ของน้ำมันดิบในปีนี้อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนแรก
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1,241.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยวิกฤตหนี้ของกรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุปทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research