- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 February 2015 17:43
- Hits: 1572
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1595”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นดีกว่าภูมิภาค แม้ว่าจะมีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์บ้าง แต่ก็ไม่รุนแรง เราประเมินว่าเป็นเพราะมีแนวโน้มว่าผลประกอบการจะเติบโตดีขึ้นใน 2H58 เหมือนภาพรวมเศรษฐกิจไทย นอกจากนั้นมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาต่อเนื่องหลังราคาน้ำมันดิบ Futures พุ่งขึ้นแรง นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.8 และ 1.7 พันล้านบาท ตามลำดับ พอร์ตบล.ซื้อสุทธิเล็กน้อย รายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ
สำหรับ สัปดาห์นี้ ตลาดอาจเปิดด้วยการแกว่งถึงอ่อนตัวก่อน เพราะถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ว่าอาจจะเริ่มตั้งแต่กลางปี 2558 นี้ (เร็วขึ้นมา 1-2 ไตรมาสจากกระแสคาดการณ์ก่อนหน้า) หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนม.ค.58 ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด อย่างไรก็ตาม ระยะทางของการปรับลงอาจยังไม่มาก เพราะมีปัจจัยหนุน 1) ความคาดหวังกับสภาพคล่องที่จะสูงขึ้นหลัง ECB เริ่มทำQE ในเดือนมี.ค.58 เป็นต้นไป และหลายสำนักวิจัยระดับโลกคาดว่าจะมี Fund Flow บางส่วนเข้ามายังเอเชียด้วย, 2) การเก็งกำไรผลประกอบการปี2557 และแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 2558 โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับการลงทุน เช่น รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, แบงค์ใหญ่, ขนส่ง เป็นต้น หุ้นพื้นฐานที่แนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น KBANK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกที่พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ สัปดาห์นี้ภาพตลาดจึงเป็นการแกว่งแบบให้น้ำหนักกับการปรับฐานแต่อาจมีการปรับขึ้นก่อนแล้วค่อยถอยลง ซึ่งการปรับขึ้นที่ไม่สามารถยืนเหนือ 1620 ได้อย่างมั่นคง หรือการยืดทำ New High แต่ยืนไม่อยู่ ถือเป็นจุดขายทำกำไรออกไปก่อน ระยะสั้นจึงให้แนวต้านไว้ที่ 1620, 1630 ค่าลบควรลดพอร์ตตาม หลุด 1595 Stop Loss สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิค พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ ML, TSR, LIT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PACE, PS, TIPCO, TRT, LH, LOXLEY หุ้นที่หลุด List คือ PRECHA สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าพิจารณา Take Profit ตามรอบ คือ S, IRCP, SIAM, VIBHA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค.58 จากระดับ 329,000 รายในเดือนธ.ค.57 แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 234,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ5.7% จาก 5.6% ในเดือนธ.ค.
+ สหรัฐ : ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชม.เดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแกร่ง ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงของลูกจ้างภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 12 เซนต์ เป็น 24.75 ดอลลาร์ในเดือนม.ค.58 หลังจากที่ลดลง 5 เซนต์ในเดือนธ.ค.57 และเมื่อเทียบ YoY พบว่าเพิ่มขึ้น 2.2%
• ยูโรโซน : จะประชุมเรื่องกรีซสัปดาห์นี้ บรรดารัฐมนตรีคลังของยูโรโซนจะจัดการประชุมพิเศษในวันที่ 11 ก.พ. เพื่อหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินต่อกรีซ ขณะที่เตรียมการสำหรับผู้นำของ EU ที่จะเจรจาในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 12 ก.พ.58
- กรีซ : ถูกปรับลดอันดับเครดิต สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซซึ่งอยู่ในระดับขยะ (Junk) อยู่แล้วลงอีก 1ขั้น สู่ B- จาก B พร้อมคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ โดยให้เหตุผลถึงภาวะเงินตึงตัวของประเทศ ด้าน Moody’s ก็ขู่ที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงจากระดับ Caa1 ทั้งนี้รัฐบาลกรีซและ EU & IMF ยังไม่บรรลุข้อตกลงการให้เงินช่วยเหลือรอบใหม่ 2.4 แสนล้านยูโร ซึ่งวงเงินกู้จะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.นี้
• จีน : เดือนม.ค.58 ยังเกินดุลการค้าเพราะนำเข้าลดลงมากกว่าส่งออกที่ชะลอตัวลง ยอดส่งออกของจีนเดือนม.ค.ปรับตัวลง 3.2%YoYเป็น 1.23 ล้านล้านหยวน) ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ 8.6 แสนล้านหยวน ลดลง19.7%YoY เดือนม.ค.58 จีนเกินดุลการค้า 3.7 แสนล้านหยวน- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลง...กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ดัชนี DJIAลดลง 60.59 จุด หรือ -0.34% ดัชนี S&P500 ลบ 7.05 จุด หรือ -0.34%ดัชนี NASDAQ ลบ 20.70 จุด หรือ -0.43% โดยข้อมูลภาคแรงงานที่ออกมาดี จุดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปี 2558 หลังจากที่คงดอกเบี้ยไว้ที่ใกล้ 0% มาตั้งแต่ธ.ค.51
+ สัญญาน้ำมันดิบปรับขึ้น โดย WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.21ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 51.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT เพิ่มขึ้น1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 57.80 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากยังมีสัญญาณการผลิตที่ลดลงของฐานขุดเจาะในสหรัฐต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมันยังจำกัดเพราะอุปสงค์ที่อ่อนแอ แต่ความเสี่ยงขาลงก็น้อยลงมากแล้วเช่นกัน...ด้วย
เหตุที่มอง Downside Risk ต่ำลงทำให้นักลงทุนเลือกซื้อ/ถือหุ้นในกลุ่มพลังงานในช่วงนี้ ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจเป็นกลุ่มโรงกลั่น เพราะคาดว่าค่าการกลั่นในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันดิบร่วงแรง (เพราะมูลค่า Yieldloss & Crude Premium ต่ำลง) และผลขาดทุนในสต็อกจำกัดลง รวมทั้งอาจมีกำไรจากสต็อกเกิดขึ้นได้ด้วย หุ้นเด่นเป็น TOP รองลงไปเป็น IRPC,BCP, PTTGC ตามลำดับ
- สัญญาทองคำดิ่งแรง สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ร่วงลง28.1 ดอลลาร์ หรือ -2.23% ปิดที่ 1,234.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
•/- SCB : เกิดเหตุเพลิงไหม้ชั้น 10 อาคาร A รัชโยธิน ธนาคารยืนยันว่าชั้น 10 ที่เกิดเพลิงไหม้จะไม่ได้เป็นชั้นที่เก็บเอกสารสำคัญและไม่ได้เก็บเอกสารของกรณีสจล. แต่ได้ขอเลื่อนการส่งมอบเอกสารสจล.ในวันที่ 9ก.พ.นี้ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าต้องจัดเอกสารใหม่ ทั้งนี้ทางเขตจุตจักรได้สั่งปิดตึก A จำนวน 34 ชั้นเป็นการชั่วคราวแล้ว เพื่อให้หน่วยงานทางวิศวกรรมเข้าไปตรวจสอบ และออกใบรับรองความมั่นคงก่อนให้เปิดให้เข้าใช้อาคารได้
ความเห็น Retail Research : เราเห็นว่าเหตุเพลิงไหม้เป็นปัจจัยจิตวิทยาทางลบต่อธนาคาร เนื่องจากเป็นช่วงที่มีคดีสจล.เข้าเกี่ยวข้องด้วย แต่ความเสียหายจากเพลิงไหม้คาดว่าจะได้รับการชดเชยจากประกันทั้งที่เป็นความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Assets Damage) และผลกระทบจากการดำเนินการ(Business Interruption) ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำซื้อ KBANK,BBL, KTB ในกลุ่มแบงค์ใหญ่ และแนะนำซื้อ TMB ในกลุ่มแบงค์กลาง-เล็ก
+ BCP : มีข่าวว่าวายุภักษ์เสนอซื้อหุ้น BCP จาก PTT ที่ราคาหุ้นละ36 บาท แหล่งข่าวจากบริษัทปตท. (PTT) เปิดเผยว่า เหตุผลในการตัดสินใจขายหุ้น BCP จำนวน 15.25% ของทุนชำระแล้วให้กับกองทุนวายุภักษ์ เนื่องจากได้รับเงื่อนไขที่ดีมาก โดยเสนอซื้อในราคาหุ้นละ 36บาท เท่ากับที่กลุ่มมหากิจศิริ ที่มีนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ เป็นประธานกรรมการ TTA เสนอซื้อเข้ามา (ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 9 ก.พ.58)
ความเห็น Retail Research : ถ้ามีการซื้อขายหุ้น BCP ที่ราคาหุ้นละ 36บาทจริง PTT จะมีกำไรหลังภาษีจากการขาย 0.99 บาท/หุ้น คิดเป็นส่วน
เพิ่ม 3% บนคาดการณ์ EPS ปี 2558 ของ DBSV
จำนวนหุ้นที่ PTT ถือใน BCP 374.75 ล้านหุ้น
ราคาต้นทุนตามวิธีส่วนได้เสีย 26.59 บาท/หุ้น
ราคาขาย 36.00 บาท/หุ้น
กำไรก่อนภาษี 3,526.40 ล้านบาท
กำไรหลังภาษี (ให้อัตราภาษี 20%) 2,821.12 ล้านบาท
จำนวนหุ้น PTT 2,856.30 ล้านหุ้น
กำไรหลังภาษีต่อหุ้น PTT 0.99 บาท/หุ้น
คิดเป็น % ของ EPS -58F 3.1%
ที่มา : SET, DBS Vickers
+ MODERN : ธุรกิจมั่นคงและปันผลสูง โดยผลประกอบการ 4Q57 ไปได้ดี ณ สิ้นก.ย.57 มี Backlog รอส่งมอบ 3 พันล้านบาท โดยเป็นส่วนของเฟอร์นิเจอร์สำนักงานประมาณ 400 ล้านบาท (ซึ่งจะส่งมอบภายใน 6เดือน) ส่วนอีก 2.6 พันล้านบาทเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่พักอาศัย ซึ่งจะทยอยส่งมอบถึงปี 2558 คาดอัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q57 จะขยับขึ้นจาก 3Q57เพราะรับรู้รายได้จากงานที่มีมาร์จิ้นปกติที่ 35%+ ผู้บริหารกล่าวว่าเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมียอดขายดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ที่มีกำลังขยายธุรกิจรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเริ่มเข้าสู่ AEC ในปลายปีนี้ คาด Core Profit ปี 2558 เติบโตสูง 17% โดยเป็นผลจากฐานกำไรที่ต่ำและการฟื้นตัวของยอดขาย & มาร์จิ้น แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน11.70 บาท คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 6.5% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel [email protected]