- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 February 2015 17:27
- Hits: 1456
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ทำ new high รอบ 20 เดือนและกำลังลุ้นทะลุระดับ 1620 จุดในสัปดาห์นี้
ภาวะตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ส่วนใหญ่เปิดมาในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ปิดลบลงไปเมื่อวันศุกร์หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค. (ดีกว่าคาดที่ 234,000 ราย) จากระดับ 329,000 รายในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% (แย่กว่าคาดที่ 5.6% แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำและอยู่ในกรอบเป้าหมายของเฟดที่ 6.5%) จาก 5.6% ในเดือนธ.ค. โดยตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค.ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.และธ.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ การจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาครัฐลดการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง
ข้อมูลการจ้างงานที่สดใสได้สร้างความวิตกว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในช่วงกลางปีนี้ หลังจากที่คงดอกเบี้ยไว้ที่ใกล้ 0% มาตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า ขณะนี้เทรดเดอร์มองว่ามีความเป็นไปได้ 62% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในเดือนก.ย. ขณะที่มีความเป็นไปได้ 47% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่สูงเกินคาด และค่าจ้างเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว ก่อนการเปิดเผยรายงานดังกล่าว เทรดเดอร์คาดว่าเฟดจะรอจนกว่าเดือนต.ค.สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากกระแสคาดการณ์เรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กยังถูกกดดันจากการที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่ระดับ B- จาก B และประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ ซึ่งยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจยุโรป
ส่วนปัจจัยในประเทศ เมื่อวันศุกร์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร รองนายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยขณะนี้มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน เห็นได้จากการบริโภคและการใช้จ่ายของประชาชนฟื้นตัว โดยยอดการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในเดือนม.ค. ที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยสามารถจัดเก็บได้ 4.01 หมื่นล้านบาท โดยปกติเดือนม.ค. จะเป็นช่วงที่เก็บภาษีได้สูง สุดในแต่ละปีแต่ที่ผ่านมาไม่เคยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เกิน 3.6 หมื่นล้านบาทครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เก็บได้สูงถึง 4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นตามลำดับจากเดือน ต.ค. -ธ.ค. 2557 ที่รัฐเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 3.32 หมื่นล้านบาท 3.39 หมื่นล้านบาท และ 3.4 หมื่นล้านบาทตามลำดับ
ยอดภาษีมูลค่าเพิ่มรัฐเก็บได้ 4.01 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 7% ของมูลค่าการใช้จ่ายรวม ซึ่งเท่ากับมียอดการใช้จ่ายเอกชนในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาสูงถึง 5.5 แสนล้านบาทและหากทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 3.8-3.9 หมื่นล้าน เท่ากับการใช้จ่ายรวมทั้งปีจะอยู่ที่ 6.7 - 6.8 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก ซึ่งเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นหรือไม่สามารถดูที่การใช้จ่ายของเอกชน โดยยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นและขึ้นมาเป็น 4.01 ล้านบาท ในเดือนม.ค. 2558 อันนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะปกติในเดือน ม.ค. จะเก็บได้สูงอยู่แล้วแต่ที่สูงสุดคือ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งหลังมาจาก 3 ปัจจัย คือโรงงานที่เปิดใหม่ทำให้มีการจ้างงานแรงงานได้ค่าจ้างก็นำไปใช้สอย สองคือราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้มีเงินเหลือไปใช้จ่ายและสามเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่เดิมคาดว่าจะออก ต.ค. ที่แล้ว แต่ก็มาออกเดือนม.ค.ปีนี้ ทั้งเงินช่วยชาวนา 4 หมื่นล้าน และเงินสวนยาง 8,500 ล้านบาท ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันที่ปรับลดลงไปมีผลให้ผู้บริโภคมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่าง BIGC CPALL CPN HMPRO GLOBAL MAKRO MC ROBINS ในวันนี้
ในส่วนของราคาน้ำมันดิบเมื่อวันศุกร์ปรับเพิ่มขึ้นต่ออีก 1.21 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +2.4% ปิดที่ 51.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันสามารถฟื้นตัวได้ 3.45 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +7.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2554 หลังจากที่ปรับลดลงมาประมาณ 60% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป และหันมาให้ความสนใจกับสัญญาณของการปรับลดการผลิตในอนาคต โดยข้อมูลจากบริษัท เบเกอร์ ฮิวส์ แสดงให้เห็นว่า บ่อขุดเจาะน้ำมันที่มีการผลิตในสหรัฐลดลง 9% ในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันแล้ว สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2554 โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเตือนว่า ตลาดน้ำมันโลกยังประสบภาวะอุปทานล้นตลาดอยู่ และมีสัญญาณน้อยมากที่อุปสงค์จะฟื้นตัวขึ้น ดังนั้นราคาน้ำมันจึงอาจปรับตัวลดลงอีก โดยเราคาดว่าหากราคาน้ำมันดิบยังไม่สามารถปรับขึ้นทะลุ 55 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ ราคามีโอกาสปรับลดลงมาต่ำกว่า 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เราคาดว่าตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1615-1620 จุด สวนทางตลาดหุ้นเอเชียจากการรีบาวน์ต่อเนื่องของราคาน้ำมัน ทำให้เราคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีต่อในวันนี้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้นเพียง 5% น้อยกว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น 7.2% เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร PTTEP PTT BANPU PTTGC IVL และ TOP ในขณะที่สภาพคล่องในตลาดก็ยังมีอยู่สูงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ (และการทำ QE ของยุโรปและญี่ปุ่น) ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนให้ downside risk ของตลาดยังมีอยู่จำกัดในช่วงนี้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1605-1610 และแนวต้านที่ 1615-1620 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]