- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 February 2015 15:14
- Hits: 2000
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีฯ เปิดตลาดที่ระดับ 1595.06 จุด และ rebound ขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ดัชนีฯ เกือบตลอดวันซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า 1600 จุด แอย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดตลาดในภาคบ่าย แรงซื้อที่
เข้ามา ดันให้ดัชนีฯให้ค่อยๆ ไต่ระดับ จนขึ้นมาปิดบวกได้เมื่อสิ้นวัน
การเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มหลัก วันนี้ หุ้นกลุ่มน้ำมันเป็นกลุ่มที่ถ่วงดัชนีฯ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคาร เป็นกลุ่มที่ลบในการซื้อขายภาคเช้าและกลับมาบวกในภาคบ่าย
ดัชนีฯ ปิดตลาดที่ 1607.92 จุด สูงขึ้น 8.11 จุด หรือ 0.51%
คาดการณ์ตลาดวันนี้
การขึ้นมาปิดเหนือระดับ 1600 จุดของดัชนีฯ เท่ากับมีดัชนีฯมีการปรับฐานในระหว่างวันไปแล้ว วันนี้ หากยังคงยืนได้เหนือระดับ 1600 จุด เป็นวันที่สอง จะยืนยันว่า ดัชนีฯกำลังขึ้นเล่นในกรอบต่อไปคือ 1600-1630 จุด แล้ว วันนี้ โอกาสที่ดัชนีฯ จะเดินหน้าต่อ มีค่อนข้างสูง
คำแนะนำในวันนี้ นักลงทุนที่มีหุ้น(หุ้นใหญ่) คงต้องกลับมาถือหุ้นกันต่อ ตราบที่ดัชนีฯยังยืนเหนือระดับ 1600 จุด ซึ่งเรามองว่าจุดนี้ กำลังจะกลายเป็นแนวรับที่สำคัญของสัปดาห์หน้า
กลยุทธ์ : “ ยืนเหนือ 1600 จุดได้ ก็จะดีมาก ”
Support 1600 , 1583 , 1570 , 1557 จุด Resistance 1610 , 1630 , 1667 จุด
สุทธิวิทย์ เทศนาบุญ
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical Investment Analyst
เลขทะเบียน : 028533
Tel 02- 6481129
Email: [email protected],th
มงคล พ่วงเภตรา
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ทางเทคนิค
Tel 02- 6481123
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Market Trend
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (5 ก.พ.) SET Index ปิดที่ 1,607.92 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด หรือ 0.51% มูลค่าการซื้อขาย 54,382.38 ล้านบาท มีแรงขายหุ้นเกือบตลอดทั้งวัน โดยปัจจัยหลักๆ มาจากราคาราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงและความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ของประเทศกรีซ อย่างไรก็ตาม ธปท.ออกมายืนยันในเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่จะโต 4% ในปีนี้ คาดว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารในภาคบ่าย จนดันดัชนีฯให้ขึ้นมาปิดในแดนบวก
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น โดยมีปัจจัยร่วมกันคือราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และการประกาศซื้อกิจการ บ.ฮอสพิรา โดย บ.ไฟเซอร์ (กลุ่มเวชภัณฑ์) และเป็นช่วงของการรายงานผลประกอบการของทั้งสองโซนด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีปัจจัยเฉพาะตัวเข้ามา คือตัวเลขเคลมการว่างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ราคาน้ำมันดิบ WTI (Mar) ปิดตลาดที่ $50.48 เหรียญ/บาร์เรล $2.03 เหรียญ ราคาน้ำมันได้ปัจจัยหนุนในเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (ตัวเลขเคลมการว่างงาน) และการอ่อนตัวของค่าเงินดอลล่าร์ .. เราประเมินว่า การต่อสู้กันระหว่างกลุ่ม OPEC และผู้ผลิตรายอื่นๆ น่าจะจบลงแล้ว หลังผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC ได้ทยอยกันประกาศลดกำลังการผลิตออกมา ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับนี้ แต่อาจผันผวนได้เล็กน้อย ซึ่งทำให้ความกังวลในเรื่องการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันนั้นลดลงไปด้วย เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มที่อิงรายได้กับราคาน้ำมันของไทย
เศรษฐกิจไทย - ธปท. คาดการณ์ว่า จีดีพีในปี 2558 จะขยายตัวได้ร้อยละ 4 แม้เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนจากปัจจัยต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ในปีนี้ ธปท. จะใช้นโยบายการเงินผ่อนปรนต่อเนื่องหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
BH, BGH, VIBHA, BCH -ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปีนี้ จะอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท หรือขยายตัวกว่า 10 -15 % เป็นผลมาจากเกิดจากการขยายการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับคนไข้ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ
ทิศทางตลาดหุ้นไทย ผลจาก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะทำให้ให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีในวันนี้ ขณะที่ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่จะลดลง จะทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นต่อจากวันก่อนเล็กน้อย เนื่องจาก การเจรจาและการออกมาตการของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อกดดันกรีซ นั้น ยังอาจทำให้ตลาดมีความผันผวนได้ตลอดเวลา
กลยุทธ์การลงทุน การที่ดัชนีฯ ขึ้นมายืนเหนือ 1600 จุด ได้ จะทำให้ตลาดดูเนบวกมากขึ้น แต่ปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะกรีซและราคาน้ำมัน ทำให้ต้องเน้นเล่นสั้นๆ ไว้ก่อน ..... โดยในวันนี้ หุ้นกลุ่มน้ำมัน (PTT, PTTEP) ที่ถูกขายไปวันก่อนเป็นกลุ่มที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ..... พ่วงมาด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ที่เป็นบวกตามราคาน้ำมันและจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ออกมา (PTTGC, IRPC, IVL) และหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่นๆที่ยังดูเป็นบวก (TRUE, SAMTEL, BGH) ..... นอกจากนี้ จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ในประเทศ (BMCL , BIGC , HMPRO, GRAMMY, RS) .... ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK) เป็นกลุ่มที่นักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้นๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวกับทิศทางของเศรษฐกิจไทยมากกว่ากลุ่มอื่น
Stock in Focus
TOP - (ราคาปิด 50.25 บาท; ราคาเป้าหมาย โดย KTBST 55.50 บาท) ณ วันนี้ ราคาน้ำมันได้วิ่งเข้าใกล้ $50 เหรียญ/บาร์เรล เข้ามาทุกขณะ ถึงจะมีการแกว่งตัวบ้าง แต่สัญญาณการลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อราคาน้ำมันและหุ้นกลุ่มน้ำมันในช่วงนี้ .... แม้ผลประกอบการ Q4 ของ TOP เราคาดว่าจะขาดทุนถึง 7 พันล้านบาท แต่เชื่อว่าผลประกอบการที่ขาดทุนดังกล่าวจะเป็นจุดต่ำสุดของ TOP และจะเริ่มเห็นผลประกอบการพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปีนี้ โดยแรงหนุนหลักมาจากผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนภาวะ Over supply ไปแล้ว
มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์