- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 02 February 2015 16:28
- Hits: 2042
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบ Wait & See”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ปิดอ่อนลง 5.15 จุด ปิดที่ 1581.25 โดยมีแรงขายนำในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับเป็นขายสุทธิ 700 กว่าล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิต่อประมาณ 1 พันล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิในระยะสั้น หุ้นกลุ่มพลังงานโดดเด่น หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแรงในวันศุกร์ ซึ่งเป็นผลจากการที่อุปทานน้ำมันสหรัฐมีแนวโน้มลดลงหลังจำนวนแท่นขุดเจาะหายไป 7% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี...สอดคล้องกับมุมมองที่ดีขึ้นกับราคาน้ำมันและธุรกิจโรงกลั่นของเราที่ได้นำเสนอไปในสัปดาห์ก่อน โดยหุ้นเด่นในกลุ่มโรงกลั่น คือ TOP รองลงมาเป็น IRPC, BCP และ PTTGC สำหรับ PTT ได้ประโยชน์จากธุรกิจโรงกลั่นที่มีแนวโน้มดีขึ้นและผลขาดทุนที่น้อยลงจากการทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG และ NGV ถึงแม้ว่าอาจจะได้รับผลดีน้อยกว่าที่เคยประมาณการไว้บ้างก็ตาม ด้าน PTTEP ระยะสั้นราคาหุ้นอาจเด้งขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแรง
แต่โดยภาพรวม แนวโน้มผลประกอบการยังอ่อนแอกว่าใน 2-3 ปีก่อนมาก ปัจจัยที่ต้องระวังในการลงทุนกลุ่มพลังงาน คือ ราคาน้ำมันดิบที่ยังผันผวน ซึ่งกดดันให้ราคาหุ้นแกว่งตามไปด้วย จึงเน้นลงทุนตามรอบไปก่อน ส่วนภาพรวมตลาด ยังเป็นการแกว่งตัวแต่ถ้ายังไม่หลุด 1560 ก็มีลุ้นเด้งกลับไปที่ 1600+/- ได้ แต่ถ้าหลุดควรลดพอร์ตตาม ทั้งนี้ความเสี่ยงหลักยังมาจากปัจจัยภายนอก (รัสเซียสร้าง Surpriseตลาดด้วยการประกาศลดดอกเบี้ยจาก 17% เป็น 15% & การเมืองกรีซ โดยติดตามดูว่ารัฐบาลใหม่จะยกเงินมาตรการรัดเข็มขัดหรือไม่) และ Valuationของตลาดที่สูง สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น QH
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบเล็กๆ แต่ยังมีลุ้นรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ แนวต้าน 1600 (1610) ค่าลบควรลดพอร์ตตาม หลุด1570 Stop Loss การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนี & ราคาหุ้นเป็นหลัก สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิค พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ IVL, PS, MFEC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ UNIQ, PACE, SC หุ้นที่หลุด List คือ –ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าพิจารณา Take Profit ตามรอบ คือ MINT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : เศรษฐกิจไตรมาส 4/57 เติบโตต่ำกว่าคาด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4/57 ประมาณการครั้งแรกว่าขยายตัว2.6% ลดลงจากเติบโต 4.6% และ 5.0% ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับและต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 3.2%
•/- รัสเซีย : Surprise ตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจาก17% เป็น 15% ค่าเงินรัสเซียอ่อนค่าลงอย่างเร็วราว 4% ทั้งนี้มีนักวิเคราะห์เพียง 1 ใน 32 รายที่สำรวจโดย Bloomberg ที่คาดการว่ารัสเซียจะลดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางรัสเซียคาดว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัว 3.2% ใน 1H58 จากที่เติบโตเพียง 0.6% ในปี 2557
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหลังเศรษฐกิจไตรมาส 4 โตน้อยกว่าคาด ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,164.95 จุด ลดลง 251.90 จุด หรือ -1.45% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,635.24 จุด ลดลง 48.17 จุด หรือ -1.03% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 1,994.99 จุด ลดลง 26.26 จุด หรือ -1.30%
+ สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หนุนโดยอุปทานในสหรัฐที่จะลดลง โดยWTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิด +3.71 ดอลลาร์ หรือ +8.33% ปิดที่ 48.24ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุน คือ มีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐประจำสัปดาห์ลดลง 7% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย.58 พุ่งขึ้น 23.3ดอลลาร์ หรือ +1.86% ปิดที่ 1,279.2 ดอลลาร์/ออนซ์
• จับตาความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐที่อาจกระทบตลาดหุ้นไทยโดยล่าสุด VIX S&P500 ปรับขึ้นมาสูงกว่า 20% อีกครั้ง และดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐกับ SET Index มีความสัมพันธ์ในทางเดียวกัน
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ในเดือนธ.ค.57 ไทยมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ระดับ 5.5 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นการเกิดดุลการค้า 3.6พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าเดือนธ.ค.57 ลดลง 7.9%YoYคิดเป็นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนส่งออกมีมูลค่า 1.86 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้การนำเข้าที่ลดลงมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเป็นหลัก
• ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค.57 ของไทย ยังไม่ดีนัก ธปท.ระบุดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ธ.ค.57 ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 49.0 จาก48.6 ในเดือนก่อน แต่ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจยังไม่ดีนัก ซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ที่ซบเซา
ความเห็น Retail Research : จากการสอบถามบจ.บางแห่งที่ดำเนินธุรกิจอิงกับการบริโภคในประเทศ พบว่าปลายปีก่อนเป็น High Season ที่ดีน้อยกว่าปกติ และความต้องการซื้อสินค้ายังซบเซาในช่วงเดือนม.ค.58การลดลงของราคาน้ำมันค้าปลีกในประเทศยังไม่ช่วยกระตุ้นการอุปโภคบริโภคมากนัก เพราะผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย อันเนื่องจากภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่สูง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำยาวนาน รวมทั้งสถาบันการเงินก็เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เราคาดว่าการบริโภคจะต้องใช้เวลาในการพื้นตัว ส่วนที่จะขยายตัวได้ดีกว่าจะเป็นภาคการลงทุน ซึ่งเป็น Key Growth ของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อย่างไรก็ดี ในช่วง 1H58 จะยังไม่เห็นการเติบโตมาก แต่การขยายตัวจะชัดเจนขึ้นใน 2H58 โดยการลงทุนภาครัฐที่คืบหน้าจะช่วยดึงให้การผลิตและการลงทุนในกลุ่ม SME ที่เป็นSupply Chain ของโครงการรัฐกระเตื้องขึ้นตามไปด้วย กลยุทธ์ ทยอยซื้อลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับการลงทุน หุ้นเด่น CK, TRC, SCC, TASCO, KTB,BBL, KBANK เป็นต้น (ควรจับจังหวะเข้าซื้อ เพราะราคาหุ้นมีสิทธิผันผวน)
+ บริษัทเอกชนไทยจะเซ็นสัญญาพัฒนาพื้นที่ทวายในเดือนมี.ค.58ผลประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-พม่าเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (JHC) ครั้งที่ 3 เมื่อ 30 ม.ค.58 มีมติเห็นชอบให้บริษัทที่ชนะการประมูลเฟสแรก (ซึ่งนำโดย ITD และ ROJNAรวมทั้งมี EGCO เข้าพัฒนาในส่วนโรงไฟฟ้าด้วย) เข้าพัฒนาพื้นที่ 27ตารางกิโลเมตร เป็นระยะเวลา 5 ปี ครอบคลุม 7 โครงการ คือ 1. นิคมอุตสาหกรรมบนพื้นที่ 27 ตารางกิโลเมตร 2.ถนนเชื่อมต่อโครงการทวายมายังบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี 3.สถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) 4.ระบบโทรคมนาคม 5.โรงไฟฟ้า 6.ท่าเรือขนาดเล็ก และ 7.อ่างเก็บน้ำ มูลค่าเงินลงทุนรวม 5.2 หมื่นล้านบาท
ความเห็น Retail Research : เป็นบวกกับ ITD, ROJNA, EGCO ในระยะยาว โดยการก่อสร้างจะเริ่มตั้งแต่กลางปี 2558 และแล้วเสร็จในราวกลางปี2560 เราแนะนำซื้อเก็งกำไร ITD, ซื้อลงทุน ROJNA และถือ EGCO
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]