- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 January 2015 23:55
- Hits: 1994
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งตัว แต่ไม่หลุด 1550 ยังถือได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว แต่ปิดตลาดบวกได้เล็กน้อย 1.50 จุด ที่ 1589.81 จุด มูลค่าซื้อขาย 6 หมื่นกว่าล้านบาทนักลงทุนยังมีการเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีกระจายไปหลายกลุ่ม กลุ่มเด่นเป็นแบงค์ใหญ่, รับเหมาก่อสร้าง, สื่อสาร เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3.4พันล้านบาท สถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ พอร์ตบล.ซื้อสุทธิแต่ไม่มาก
กรีซและรัสเซียเป็นประเด็นที่เข้ามาถ่วงตลาดเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงมาก และคาดว่าในระยะสั้นตลาดจะยังตอบรับในทางบวกกับสภาพคล่องที่สูงจาก QE ยุโรป & ญี่ปุ่น และเก็งกำไรผลประกอบการ & ปันผลของปี 57 แต่ P/E ตลาดที่สูงใน Band High ทำให้ความผันผวนจะมีมากขึ้น กลยุทธ์ การซื้อใหม่ยังเน้นลงทุนรอบสั้น สำหรับการประชุมเฟดและกนง.วันนี้ คาดว่าจะไม่ได้มีประเด็นใหม่ที่มีนัยสำคัญ โดยคาดว่า FOMC และกนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน และสหรัฐจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ ขณะเดียวกันหนี้ภาคครัวเรือนของไทยที่สูงก็ทำให้การลดดอกเบี้ยจะยังไม่ช่วยกระตุ้นการบริโภคมากนัก หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น RATCH โดยความโดดเด่นอยู่ที่ธุรกิจมั่นคง และจ่ายปันผลสูง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกล็กๆ การปรับขึ้นมีแนวต้านที่คาดหวัง 1600, 1610-1620 ค่าลบควรลดพอร์ตตาม หลุด1550 Stop Loss การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนี & ราคาหุ้นเป็นหลัก สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิค พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ SYNTEC, VGI, UNIQ ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ ROJNA, LHBANK หุ้นที่หลุด List คือ –ไม่มี- และหุ้นแนะนำที่ปรับขึ้นมาแล้วและอยู่ในพื้นที่น่า Take Profit ตามรอบ คือ STPI, LH, BLA, THCOM, TIPCO
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนดิ่งลง 3.4% ในเดือนธ.ค.57 ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็ผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการแข็งค่าของเงิน US$ อุตสาหกรรมพลังงานซบเซา
• สหรัฐ : ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองปรับตัวขึ้น 4.3%YoY ในเดือนพ.ย.57 แต่เป็นการเพิ่มขึ้นต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.55 เนื่องจากยอดขายบ้านที่อ่อนแอ และปริมาณบ้านที่มีจำกัด
- กรีซ : Moody’s ประเมินว่าความไม่แน่นอนทางการเงินหลังพรรคฝ่ายค้านไซรีซาเข้ามาเป็นรัฐบาลมีมากขึ้น ซึ่งเป็นลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ ปัจจุบัน Moody’s จัดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซอยู่ที่Caa1 แนวโน้มมีเสถียรภาพ ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวต่ำกว่าของS&P และ Fitch Ratings 2 ขั้น
- รัสเซีย : S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจาก BBB- สู่ BB+ที่เป็นระดับ "Junk" โดยมีแนวโน้มเชิงลบ ซึ่งส่งผลให้รัสเซียมีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าขั้นที่น่าลงทุนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่ง โดยดัชนี DJIA ร่วง 291.49 จุด หรือ -1.65% ดัชนีNASDAQ ลดลง 90.26 จุด หรือ -1.89% ดัชนี S&P500 ลดลง 27.54 จุดหรือ -1.34% ปัจจัยกดดัน คือ ข้อมูลยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ลดลงเกินคาดและผลประกอบการบริษัทเอกชนขนาดใหญ่อ่อนแอ เช่น บริษัทแคทเทอร์พิลลาร์, ไมโครซอฟท์
+ สัญญาน้ำมันดิบรีบาวด์ โดย WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.08 US$ปิดที่ 46.23 US$/bbl ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 1.44 US$ ปิดที่ 49.6 US$/bblทั้งนี้ราคาน้ำมันผันผวนน้อยลงในระดับ 45-50 US$/bbl โดยบางฝ่ายมองว่าราคาน้ำมันดิบที่ร่วงจาก 110-115 US$/bbl มาเป็นระดับปัจจุบันได้สะท้อนภาวะอุปทานล้นเกินไปแล้ว
ความเห็น Retail Research : ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในกรอบแคบ ทำให้ความเสี่ยงผลขาดทุนในสต็อกและการตั้งสำรองด้อยค่าในการลงทุนจะจำกัดลงตั้งแต่ 2Q58 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันค่าการกลั่นในปี 2558 มีแนวโน้มดีขึ้นจากมูลค่า Yield Loss ที่ลดลงและ Crude Premium ที่ต่ำลงซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะทำให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาในช่วงสั้น หุ้นเด่น คือ PTT
+ สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้น 12.3 US$ ปิดที่ 1,291.70 US$/ออนซ์ โดยมีการอ่อนค่าของเงิน US$ ช่วยหนุนในช่วงสั้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• ส่งออกไทย : ปี 2557 ติดลบ 0.41% (ปี 2556 ติดลบ 0.32%) ก.พาณิชย์ยังตั้งเป้าโต 4% ปี 2558 ปัจจัยที่ทำให้ส่งออกปีก่อนติดลบ คือราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และมูลค่าส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของไทยลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก สำหรับสินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวได้ในปีก่อนคือ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ (+4.3%), เครื่องใช้ไฟฟ้า (+2.5%)
ความเห็น Retail Research : เรายังชอบหุ้นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์เนื่องจากเติบโตได้ดีในปี 2558 ทั้งจากอุปสงค์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และสมาร์ทโฟน และการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบ US$ เป็นบวกต่อรายได้และมาร์จิ้นรูปบาท ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่เป็นบจ.ใน SET ส่งออกในสกุล US$ แม้ว่าจะไปในตลาดยุโรปก็ตาม หุ้นเด่น KCE (เน้นชิ้นส่วนที่ใช้ในยานยนต์ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 50 บาท)
+ กระทรวงเกษตรฯ เตรียมออกมาตรการกระตุ้นอีก 4-5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการแจกคูปองแลกซื้อปัจจัยการผลิต หรืออาจเป็นการขยายวงเงินช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากชุมชนละ 1ล้านบาท โดยจะเสนอให้ครม.พิจารณาในเดือนก.พ.นี้
ความเห็น Retail Research : หุ้นใน DBSV Coverage ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าและในต่างจังหวัดต่อเนื่อง คือ DCC โดยบริษัทมียอดขายในต่างจังหวัดราว 80%เราคาดว่ายอดขายปี 2558 จะพลิกเป็นเติบโตได้ 12% (จาก -5% ในปี2557) อัตรากำไรขั้นต้นยังคงสูงมากที่ 41% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง จ่ายปันผลสูง คาด Yield ปี 2558 ที่ 5.7% (จ่ายทุกไตรมาส) แนะนำซื้อ DCC
• SCB ตั้งเพิ่มฐานลูกค้า SME ผู้บริหารธนาคารเชื่อว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพิงกลุ่ม SME อย่างมาก ธนาคารจึงมีนโยบายขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น
ความเห็น Retail Research : ปัจจุบัน SCB มีพอร์ตสินเชื่อ SME 19%ของสินเชื่อรวม (ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท) , สินเชื่อรายใหญ่ 37% และสินเชื่อรายย่อย 44% เราเห็นว่ามีโอกาสที่ธนาคารจะขยายสัดส่วนของสินเชื่อ SME ได้ แต่การแข่งขันในลูกค้ากลุ่มนี้จะรุนแรงมากขึ้น เพราะแทบทุกแบงค์ใหญ่ก็เน้นขยายเช่นกัน สำหรับแนวโน้มผลประกอบการช่วงสั้นคาดว่าธนาคารจะยังเติบโตได้ไม่มาก เพราะสินเชื่อรายย่อยที่ยังถูกกดันจากหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงและธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ที่ยังซบเซา แต่ในระยะกลาง-ยาวจะขยายตัวได้ดีขึ้น เราแนะนำซื้อ SCB ราคาพื้นฐาน 235 บาทแต่หุ้น Top Picks ในกลุ่มเป็น KBANK (มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อที่ดี รายได้ Non-NII เติบโตสูง) และ TMB (กำไรขยายตัวแกร่งจากฐานที่ต่ำและประสิทธิภาพดีขึ้น ทำให้แนวโน้ม ROE จะสูงขึ้นเป็นลำดับ)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]