WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ไต่ระดับทะลุ 1,600 จุด ด้วยแรงผลักดันของ BAY แต่เมื่อ BAY ออกมาปฎิเสธข่าวเรื่องการทำ Tender Offer ตามที่หน้า นสพ.ฉบับหนึ่งลง ทำให้ BAY ปรับฐานลงและปิดลบ 12.50 บาท กดดันให้ SET INDEX ปิดหลุดแนว 1,600 จุด มาอยู่ที่ 1,588.31 จุด ลบ 10.09 จุด เป็นผลจาก BAY มากถึง 9.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,750 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 2,324 ล้านบาท แม้ว่านักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไร ด้วยการมีสถานะ Short สุทธิวันแรกในรอบ 7 วันทำการใน SET50 Index Futures จำนวน 4,858 สัญญา และคงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 3,841 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ความผันผวนของ BAY เป็นตัวกำหนดทิศทาง SET INDEX ช่วงสั้น
•เช้านี้ติดตามตัวเลขการส่งออก – นำเข้าเดือนธ.ค.ของไทย รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์ การส่งออก Bloomberg consensus คาด +0.5% yoy ส่วนการนำเข้า คาด -2.4% yoy
•ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงมีทิศทางอ่อนแอ NYMEX คืนวานนี้ปิดลบต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังยืนเหนือ US$45/barrel
•การลดอันดับความน่าเชื่อถือรัสเซียของ S&P คาดว่าไม่มีผลต่อการลงทุน
•สถานการณ์กรีซดีขึ้น หลังการประชุม รมว.คลังของอียู ส่งสัญญาณพร้อมสนับสนุนรัฐบาลชุดใหม่ และหารือกับแผนการช่วยเหลือทางการเงินกับกรีซ
•นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟด ต่อความเห็นของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ จากผลของราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

มุมมองต่อตลาด
      เราคงมุมมองเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 2 แม้ว่า SET INDEX จะปรับฐานลงแรง 10.09 จุดแต่เป็นผลของ BAY มากถึง 9.50 จุด และหาก BAY วันนี้ปรับฐานลงต่อ ย่อมกดดันต่อ SET50 Index และ SET INDEX ในภาพรวมเช่นกัน เพียงแต่เราอยากแนะนำให้นักลงทุนมุ่งเน้นที่ทิศทางการลงทุนในหุ้นเป้าหมายมากกว่าภาพรวมของ SET INDEX ที่ถูกกำหนดทิศทางจาก BAY เป็นหลัก กลายเป็นภาพ “ลวงตา” ของการลงทุน
     อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อ และหนาแน่นรวม 7,809 ล้านบาทตลอด 4 วันทำการที่ผ่านมา ย่อมเป็น “กลางถึงบวก” ต่อหุ้น Big Cap โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นปันผลในงวดปี 2557 หรือ 2H57 ซึ่งจะช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงนี้
     ประเด็นของกรีซนั้น เรากลับไม่ให้น้ำหนักมากนัก เพราะการเจรจาต่อรองระหว่าง รัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพรรค Syriza และเจ้าหนี้ Troika จะเกิดขึ้นเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลใหม่ของกรีซ จะขอให้การปฎิรูปการคลังผ่อนคลายในระดับหนึ่ง เพื่อเปิดให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถดถอยมากว่า 3 ปี อัตราการว่างงานสูงกว่า 30% ล่าสุดการประชุมรมว.คลังอียู ส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับรัฐบาลชุดใหม่ของกรีซ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือ กลายเป็นสัญญาณกลางถึงบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในเช้าวันนี้
       ตลาด Nikkei / Kospi เช้านี้ (7.23 น) เปิดบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Nikkei +1.17% จากค่าเงินเยนที่กลับมาอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และสถานการณ์ในกรีซคลายตัวด้านบวก

กลยุทธ์การลงทุน
      ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนเริ่มทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” ทั้งนี้เน้นหุ้นขนาดใหญ่ หรือ หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่น เป็นทางเลือกของการลงทุนในรอบสั้นนี้
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC
Accumulative Buy: MONO / TASCO

Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.MONO : ราคาปิด 4.10 บาท ราคาเหมาะสม 6.30 บาท
a)MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจดิจิตอลทีวี เนื่องจากเป็นธุรกิจเกิดใหม่ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากเม็ดเงินโฆษณาที่ไหลออกจากทีวีในระบบ Analog เดิม เพื่อเข้าสู่ทีวีในระบบดิจิตอลที่มีค่าโฆณาต่ำกว่าถึง 5-10 เท่าตัว และคาดว่ามูลค่าตลาดโฆษณาของดิจิตอลทีวีจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนผู้ชมที่มากขึ้น จากการแจกคูปองเพื่อแลกซื้อกล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวีจาก กสทช.
b)MONO เป็นม้ามืดของช่องดิจิตอลทีวีเกิดใหม่ที่มีพัฒนาการโดดเด่นอย่างมาก ส่งผลให้ DTV Rating แบบ Nation Wide เติบโตจากอันดับ 9 ในเดือน ต.ค.2557 ขึ้นสู่อันดับ 5 ในเดือน ม.ค. 2558 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ช่อง 7, ช่อง 3, Workpoint, ช่อง 9 และ MONO
c)และหากคิดเฉพาะช่อง DTV เกิดใหม่พบว่า MONO มี Rating สูงเป็นอันดับ 2 รองจาก Workpoint แต่สูงกว่าช่อง 8 ของ RS
d)คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดิจิตอลทีวีจะเพิ่มขึ้นเป็น 36% ในปี 2558 จากปี 2557 ที่ 8% เนื่องจากปี 2558 จะเป็นปีแรกที่บริษัทปรับเพิ่มค่าโฆษณาอย่างมีนัยสำคัญจากเฉลี่ยที่ 5,000 บาทต่อนาที ในปี 2557 เป็น 23,000 บาทต่อนาที ในปี 2558 ซึ่งถือว่า Conservative เมื่อเทียบกับ WORK และ RS ที่จะปรับขึ้นค่าโฆษณาขึ้นเป็น 35,000 บาท และ 50,000 บาทต่อนาทีตามลำดับ
e)ต้นทุนส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นต้นทุนคงที่ ดังนั้น การเร่งตัวขึ้นของรายได้จะผลักดันให้กำไรปี 2558 เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มสื่อ +310% yoy เป็น 285 ล้านบาท และต่อเนื่อง +49.9% yoy ในปี 2559 เป็น 428 ล้านบาท
f)ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับกลุ่มดิจิตอลทีวีเกิดใหม่ ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ สิ้นเดือน ก.ย. 2557 ที่ผ่านมาหลังเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ ได้แก่ RS +119% และ WORK +51% แต่ MONO ยัง -1.9%
g)เริ่มต้นคำแนะนำด้วย “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าด้วยวิธี PEG ที่ 0.7 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.1 เท่า และมีการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (CAGR) สูงถึง 106.9%
2.TASCO : ราคาปิด 78.50 บาท ราคาเหมาะสม 90.00 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q57 ที่ 475 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิ 50 ล้านบาท ใน 4Q56 และเติบโต +12% qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น +29% yoy เป็น 11,495 ล้านบาท
b)และได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง หลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงเหลือ US$60.00/barrel จาก 3Q57 ที่ US$103.00/barrel ส่งผลให้ Gross Margin ใน 4Q57 เพิ่มขึ้นเป็น 6.9% จาก 4Q56 ที่ 3.8% และ 3Q57 ที่ 5.9%
c)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปี 2558 เนื่องจากกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1.02 แสนล้านบาท +12% yoy และจะเป็นปีแรกที่เห็นผลประโยชน์เต็มที่จากการร่วมทุนกับ SK Energy เพื่อเพิ่มยอดขายยางมะตอยในภูมิภาค
d)นอกจากนั้น นโยบายนำยางพารามาผสมยางมะตอยเพื่อพยุงราคายางพาราจะเป็นบวกต่อ TASCO เนื่องจากเป็นเจ้าของเทคโนโลยี
e)ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2558 ขึ้นจากเดิม 16% เป็น 1,250 ล้านบาท เติบโต +8.3% yoy และ Valuation ยังค่อนข้างถูก เนื่องจากซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.5 เท่า

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก US$281 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,051 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 283.6 677.7 1,438.6 13,190.4 9,188.0
KOSPI -131.4 124.4 -754.0 6,165.50 4,875.1
JSE 62.3 129.3 -40.2 3,750.60 -1,806.4
PSE -6.7 18.9 502.8 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 2.0 0.7 1.7 135.6 263.2
SET INDEX 71.3 100.8 -346.8 -1,091.4 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +2,324 +3,283
SET50 Index Futures (สัญญา) -4,858 +11,078
SSF (สัญญา) +204 +333
Metal Futures (สัญญา) -487 -42
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -3,841 -4,366

     นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 2,324 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 7,809 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิ 11,425 ล้านบาท
       ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 4,858 สัญญา เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 25,902 สัญญา เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 11,668 สัญญา คาดเป็นการกลับมาทยอยปิดสถานะ Long สุทธิเพื่อทำกำไร ส่งผลให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 6.03 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 3.5 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติได้ลดการถือครองตราสารหนี้ไทย ด้วยการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 3,841 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 8,207 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ด้วยผลตอบแทนที่ลดลงอีก 1.91bps ปิดที่ 2.550%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มเป็นวันที่ 3 เท่ากับ 748 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 687 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 170.57 10.91% 347.67
KBANK 98.43 4.55% 232.15
AOT 61.30 6.21% 315.66
PTTEP 55.65 8.52% 111.01
BBL 38.25 3.72% 193.39

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ลักษณะ Basket orders
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 3,692 ล้านบาท มากกว่าวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 3,340 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 9,014 ล้านบาท ลักษณะ Basket orders ในกลุ่มหลักๆ อย่างหนาแน่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มพลังงานถูกซื้อสุทธิสูงสุด 730 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 638 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 589 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 220 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 521 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,282 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 354 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 318 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม MAI ถูกขายสุทธิ 23 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 481.56 24.56 KBANK -353.05 29.90
PTT 408.03 18.47 BAY -107.21 6.80
SCC 386.91 40.65 BECL -58.79 19.63
SCB 378.84 14.89 TPIPL -51.23 2.83
ADVANC 357.14 24.39 KC -30.01 4.00

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!