- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 January 2015 14:57
- Hits: 2376
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Volatile Market
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ ปิดบวกเด่น เป็นผลมาจาก BAY ที่ปิดเพิ่มขึ้น 30% มีผลต่อ SET INDEX ถึง 16 จุด บวกกับผลของการประชุม ECB ทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ดังจะเห็นได้จากหุ้น Big Cap ขยับขึ้นเด่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX เท่ากับ 1,598.33 จุด บวก 37.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 70,009 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 3,283 ล้านบาท และ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 สูงถึง 11,078 สัญญา แม้ว่าจะขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 4,366 ล้านบาท ภาพรวมสะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ จากผลของ ECB ในวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•SET INDEX ไต่ระดับขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นผลจากการขยับขึ้นของ BAY เป็นสำคัญ โดยเฉพาะวันศุกร์ที่ผ่านมา มีผลต่อ SET INDEX มากถึง 16 จุด
•ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกกลับมาลดลงแรงอีกครั้ง NYMEX ปิดที่ US$45.59/barrel ย่อมกดดันต่อการฟื้นตัวของกลุ่มน้ำมัน
•คาดพรรคไซรีซา ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล / รัฐบาลพรรคเดียว หลังผลการนับคะแนนเลือกตั้งกรีซล่าสุดเช้านี้ (นับแล้ว 90%) ได้คะแนนเสียงราว 36-37% และคาดว่าจะได้ที่จำนวนที่นั่งในรัฐสภาราว 149 – 150 ที่นั่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จากทั้งหมด 300 ที่นั่ง โดยหากได้จำนวนผู้แทนในสภาเกินกว่า 151 ที่นั่งจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
•อาจส่งผลให้เกิดความกังวลว่าการปฎิรูปการคลังของกรีซเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขกับ Troika จะล่าช้าออกไป
•ติดตามตัวเลขการส่งออก – นำเข้า เดือนธ.ค.ของไทย รายงานโดย กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้-พรุ่งนี้ (26-27 ม.ค.)
มุมมองต่อตลาด
เรากลับมามีมุมมองเป็น “กลาง” อีกครั้ง แม้ว่า SET INDEX วันศุกร์จะไต่ระดับใกล้ทดสอบแนว 1,600 จุด แต่เป็นผลจาก BAY มากถึง 16 จุดด้วยกัน และหากวันนี้ BAY ขยับขึ้นต่อเนื่อง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ SET INDEX จะปิดยืนเหนือ 1,600 จุดได้ไม่ยาก แต่ภาพรวมของการลงทุนกลับขาดปัจจัยโดดเด่นในวันนี้
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย ทั้งผ่านตลาด Spot และตลาด SET50 Index Futures เป็นจุดที่น่าสนใจ หลัง ECB ตัดสินใจออกโครงการ QE ที่มากกว่าคาด ทำให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินล้นในระบบการเงินโลกมากยิ่งขึ้น จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX แต่จะเป็นตัวแปรที่จะช่วยผลักดัน SET INDEX ให้ทะลุแนว 1,600 จุดไปสู่ด่านสำคัญ 1,620 จุดได้เช่นกัน
แม้ว่าในภาพรวมของ SET INDEX ที่ขยับขึ้นมาแรง และมีโอกาสทะลุแนว 1,600 จุดได้ไม่มากนัก แต่นักลงทุนควรระมัดระวังต่อการลงทุนในช่วงสั้นนี้มากยิ่งขึ้น เพราะหาก BAY เกิดการปรับฐานลงแรง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็จะกดดันให้ SET INDEX ปรับตัวลงแรงเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนจึงควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่สนใจลง รวมถึง Valuation และ แนวโน้มผลการดำเนินงานของหุ้นเป้าหมายเป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนทยอยขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดขึ้นไปมากยิ่งขึ้น” เพื่อรอจังหวะของการกลับเข้าสะสมหุ้นเป้าหมาย หากเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เพราะยิ่งภาพ SET INDEX ที่ไต่ระดับสูงขึ้น ความผันผวนในภาพรวมย่อมสูงขึ้นตามมาเช่นกัน
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC
Accumulative Buy: TASCO, ADVANC
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.ADVANC : ราคาปิด 254.00 บาท ราคาเหมาะสม 320.00 บาท
a)MBKET คาดว่ากำไรปกติ 4Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 9,877 ล้านบาท เติบโต +9% yoy และ +12% qoq เนื่องจากรายได้ Non-Voice เติบโตถึง +40% yoy จากจำนวนผู้ใช้บริการ 3G ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
b)ขณะที่การควบคุมต้นทุนยังทำได้ดี เนื่องจากได้ประโยชน์จาก Regulatory Cost ต่อรายได้ที่ลดลงเหลือ 13.3% ใน 4Q57 จาก 15.6% ใน 3Q57 และค่าใช้จ่ายโครงข่ายลดลง 5% qoq เนื่องจากผ่านการลงทุนโครงการข่ายหลัก 3G จำนวน 20,000 สถานีแล้ว
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +17.4% yoy เป็น 43,183 ล้านบาท และการประมูล 4G ในปี 2558 จะเป็น Catalyst ให้กับราคาหุ้น และ ADVANC ได้ประโยชน์โดยตรงเนื่องจากคลื่น 900 MHz จะหมดอายุสัมปทานในปี 2558 ดังนั้น หากการประมูล 4G เกิดขึ้นในปีนี้จะส่งผลให้ตลาดเลิกกังวลต่อการบริหารจัดการคลื่นความถี่ของบริษัท
d)ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี คาดการณ์เงินปันผล 2H57 หุ้นละ 6.09 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.4% และปี 2558 หุ้นละ 14.23 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.6%
2.TASCO : ราคาปิด 74.75 บาท ราคาเหมาะสม 90.00 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q57 ที่ 475 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิ 50 ล้านบาท ใน 4Q56 และเติบโต +12% qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น +29% yoy เป็น 11,495 ล้านบาท
b)และได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง หลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงเหลือ US$60.00/barrel จาก 3Q57 ที่ US$103.00/barrel ส่งผลให้ Gross Margin ใน 4Q57 เพิ่มขึ้นเป็น 6.9% จาก 4Q56 ที่ 3.8% และ 3Q57 ที่ 5.9%
c)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปี 2558 เนื่องจากกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1.02 แสนล้านบาท +12% yoy และจะเป็นปีแรกที่เห็นผลประโยชน์เต็มที่จากการร่วมทุนกับ SK Energy เพื่อเพิ่มยอดขายยางมะตอยในภูมิภาค นอกจากนั้น นโยบายนำยางพารามาผสมยางมะตอยเพื่อพยุงราคายางพาราจะเป็นบวกต่อ TASCO เนื่องจากเป็นเจ้าของเทคโนโลยี
d)ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2558 ขึ้นจากเดิม 16% เป็น 1,250 ล้านบาท เติบโต +8.3% yoy ส่งผลให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 77.00 บาท เป็น 90.00 บาท และ Valuation ยังค่อนข้างถูก เนื่องจากซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.1 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เพิ่มขึ้นเป็น US$1,051 จากวันก่อนหน้าที่ US$359 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 677.7 389.8 1,155.0 13,190.4 9,188.0
KOSPI 124.4 50.2 -622.6 6,165.50 4,875.1
JSE 129.3 -20.0 -102.5 3,750.60 -1,806.4
PSE 18.9 79.9 509.5 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 0.7 -3.8 -0.2 135.6 263.2
SET INDEX 100.8 42.6 -418.1 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอย่างหนาแน่น
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +3,283 +1,389
SET50 Index Futures (สัญญา) +11,078 +2,954
SSF (สัญญา) +333 -454
Metal Futures (สัญญา) -42 -678
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -4,366 +1,323
นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 3,283 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 5,485 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิเหลือ 13,749 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 6 มากถึง 11,078 สัญญา รวม 6 วันทำการ Long สุทธิ 25,902 สัญญา เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 11,668 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมด และเพิ่มสถานะ Long สุทธิ กดดันให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 3.5 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 7.92 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติได้ลดการถือครองตราสารหนี้ไทย ด้วยการขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 4,366 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 5,515 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ ด้วยผลตอบแทนที่ลดลง 5.29bps ปิดที่ 2.569%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 687 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 396 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 178.17 6.83% 344.83
KBANK 151.74 5.15% 233.09
TRUE 70.59 1.86% 12.80
AOT 62.04 3.15% 307.43
ITD 26.18 0.91% 8.58
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 กลับมาเน้นกลุ่มธนาคารเป็นสำคัญ
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิ มากถึง 3,340 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,639 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 5,322 ล้านบาท ด้วยการกลับมาซื้อกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดถึง 1,282 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 135 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 638 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 311 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 284 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 161 ล้านบาท และกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 220 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 315 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มประกันภัยถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 25 ล้านบาท เท่านั้น
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 480.22 23.38 BGH -91.12 27.20
SCB 271.86 15.00 JAS -74.15 13.25
ADVANC 264.36 14.97 BECL -59.78 6.65
PTT 236.59 12.69 TPIPL -36.37 3.50
PTTEP 177.11 10.58 ITD -35.88 2.84
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong