- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 January 2015 15:55
- Hits: 1901
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาดรอบขึ้นครั้งใหม่ของ SET กำลังมา ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือได้!
กลยุทธ์ : ประเด็นบวกจากผลประชุม ECB น่าจะช่วยหนุนให้ SET แกว่งบวกต่อเนื่องได้ ดังนั้นเรายังแนะนำเน้นถือลงทุน แต่ถ้าจะเลือกหุ้นเข้าซื้อเพิ่มยังน่ารอช่วง SET แกว่งอ่อนตัวจากความวิตกเกี่ยวกับเรื่องของกรีซและรัสเซียได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CENTEL, JSP, M(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรง เพื่อรอรับข่าวบวกหลังการประชุม ECB ในค่ำวันเดียวกัน ซึ่งผลประชุมออกมาไม่น่าผิดหวัง เพราะ ECB ระบุจะใช้วงเงินซื้อคืนพันธบัตรสูงเกินคาดถึง 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน โดยจะใช้มาตรการ QE ครั้งนี้ไปจนถึง ก.ย.2016 ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปสามารถขยับขึ้นมาปิดบวกกันมากกว่า 1% และช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดบวก ถึงแม้ว่าจะเปิดบวกโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1% แต่ก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ยังสดใสต่อเนื่อง ซึ่ง FSS คาดว่าน่าจะทำให้ SET ยังอยู่ในช่วงแกว่งบวกต่อเนื่องจากวานนี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามประเด็นต่างประเทศที่ยังมีความสำคัญ และอาจจะเป็นประเด็นกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้งได้คือการเลือกตั้งของกรีซในสุดสัปดาห์นี้ (25 ม.ค.) รวมทั้งโอกาสในการที่รัสเซียจะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงสิ้นเดือน ม.ค. น่าจะทำให้ SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในระหว่างขยับขึ้นได้ ดังนั้นจังหวะเลือกหุ้นซื้อที่ดี เราจึงยังแนะนำให้รอซื้อช่วง SET อ่อนตัว
แนวรับ 1556-1553 , 1550-1547 จุด
แนวต้าน 1564-1566 , 1573-1575 , 1580 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$389.8 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$79.9 ล้าน เกาหลีใต้ US$50.2 ล้าน ไทย US$42.6 ล้าน แต่ขายอินโดนีเซีย US$20 ล้าน และเวียดนาม US$3.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะไหลเข้าต่อในปริมาณที่มากขึ้นหลัง ECB ออก QE มากกว่าตลาดคาดและมีขนาดใหญ่เป็นประวัติการณ์
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) QE ของยุโรปมาตามนัด ผลการประชุม ECB คงดอกเบี้ยที่ 0.05% และเพิ่มวงเงินการทำ QE เป็น 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน (ตลาดคาด 5 หมื่นล้านยูโร/เดือน) จะเริ่มซื้อพันธบัตรในเดือน มี.ค. นี้ถึง ก.ย. 2016 รวมเป็นเงิน 1.14 ล้านล้านยูโร แต่จะรับซื้อพันธบัตรครั้งนี้เพียง 20% ของวงเงิน (ส่วนที่เหลือ ประเทศสมาชิกจะต้องช่วยกันรับผิดชอบ) ส่วนมาตรการปล่อยกู้ให้สถาบันการเงิน วงเงิน 1 แสนล้านยูโร ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป แม้ QE ของยุโรปจะสูงเป็นประวัติการณ์แต่วงเงินเป็นปลายปิด ไม่เหมือน QE3 ของ Fed ผลต่อตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์จึงน่าจะน้อยกว่า แต่ก็ถือว่าดีสำหรับตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียเพราะค่าเงินยูโรที่อ่อนต่อ หนุนการทำ Euro carry trade ต่อไป เม็ดเงินต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและพันธบัตรระยะสั้น แต่ยังต้องระวังความผันผวนในช่วงปลายเดือน (เลือกตั้งกรีซ 25 ม.ค.) และการประชุม FOMC 27-28 ม.ค. นี้
(+) MTLS โตเร็วกว่าคาด บริษัทขยายสาขาได้มากและเร็วกว่าที่เราคาด โดยภายใน 1Q15 จะเปิดสาขาทั้งสิ้น 170 สาขา มากกว่าที่เราคาดว่าจะทยอยเปิด 150 สาขาทั้งปี นอกจากนี้ ธุรกิจนาโนไฟแนนซ์จะเป็นขุมพลังมหาศาลของ MTLS จากสาขาของบริษัทที่มีจำนวนมากและกระจายทุกภาคทั่วประเทศ และฐานลูกค้าที่มีอยู่แล้วกว่า 6 แสนรายซึ่งกลุ่มรากหญ้า ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายตรงของสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ในขณะที่บริษัทมีการควบคุมคุณภาพหนี้ดีที่สุด โดยมี NPL ต่ำเพียง 1.5% เราจึงปรับคาดการณ์การเติบโตของลูกหนี้คงค้างในปีนี้จาก 46% เป็น 52% และโตปีละ 35% ในปี 2016-17 ทำให้กำไรสุทธิปี 2015 เติบโตก้าวกระโดด 64% Y-Y (เพิ่มจากเดิม 11%) และเฉลี่ย 36% Y-Y ในปี 2016-17 ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 22 บาทจากเดิม 8 บาท แนะนำซื้อ
(+) TUF เราคาดกำไรปกติ 4Q14 ลดลง 39% Q-Q ตามฤดูกาล แต่เพิ่ม 29% Y-Y ซึ่งจะทำให้กำไรทั้งปี 2014 ทำจุดสูงสุดใหม่ +115% Y-Y ทั้งที่ราคาปลาทูน่าเฉลี่ยปี 2014 ลดลงมากถึง 30% เราคาดกำไรปี 2015 โตต่อเนื่อง 22% Y-Y ยังคงราคาเป้าหมายที่ 24 บาท และยังแนะนำถือเพราะ upside จำกัด และคาดเงินปันผล 0.30 บาท/หุ้นงวด 2H14
(+) MONO ปี 2015-16 จะ Turnaround ทั้งธุรกิจบริการเสริมบนมือถือและทีวีดิจิตอล สำหรับธุรกิจบริการเสริมบนมือถือฟื้นตัวตั้งแต่ 2H14 หลังผู้ประกอบการมือถือแก้ปัญหาด้านเทคนิคจนลูกค้าทยอยกลับมา ส่วนทีวีดิจิตอล คาดเริ่มมีกำไรตั้งแต่กลางปีนี้จากการขึ้นค่าโฆษณาถึง 3 เท่าเป็น 20,000 บาท/นาที ตามเรทติ้งที่ดีขึ้นเป็นอันดับ 3 รองจาก WORK และ RS เราคาดกำไรสุทธิปีนี้โตก้าวกระโดด 284% เป็น 312 ล้านบาท และโตต่อเนื่อง 76% ในปี 2016 ประเมินราคาเป้าหมาย 5.50 บาท แนะนำซื้อ
(+) TPCH เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 23 บาทจาก 13.50 บาท โดยรวมมูลค่าของโรงไฟฟ้า PTG ขนาด 42MW (ภาคใต้) ที่แม้จะอยู่ระหว่างการดำเนินการขอ PPA แต่ก็ได้ผ่านไปหลายขั้นตอนแล้วซึ่งเราเชื่อว่า TPCH มีโอกาสสูงที่จะได้รับ PPA เพราะบริษัทมีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ เทคโนโลยี และชำนาญในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าอย่างมาก นอกจากนี้ TPCH ยังมี upside จากโครงการที่คาดว่าจะลงทุนใหม่อีก 50MW ในภาคใต้ซึ่งเราไม่ได้รวมในประมาณการ ยังคงแนะนำซื้อ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ขานรับการที่ ECB ประกาศใช้มาตรการ QE ครั้งใหญ่ด้วยการใช้วงเงินซื้อพันธบัตรจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ซึ่งสูงเกินคาดหลังการประชุมเมื่อคืนนี้
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ปิดพุ่งขึ้นจากข่าวนี้ด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ขยับบวกขึ้นมาในกรอบ 1-2%
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังสามารถเปิดทำการด้านบวก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บวกแรงเท่าสหรัฐและยุโรป แต่คาดว่าความคาดหวังเกี่ยวกับ Fund Flow จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อให้มีต่อเนื่องได้
ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวแคบ หลังแข็งค่ามาพอควรในช่วงที่ผ่านมา โดยยังเคลื่อนไหวในกรอบ 32.48-32.63 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 46.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐขยับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,300.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลัง ECB ประกาศใช้มาตรการ QE ครั้งใหญ่ด้วยการใช้วงเงินซื้อพันธบัตรที่สูงเกินคาด
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23 ม.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ธ.ค.), ลงมติคดีถอดถอน “นิคม-สมศักดิ์-ยิ่งลักษณ์”
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ม.ค.)
- เกาหลีใต้: 4Q14 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ม.ค.)
25 ม.ค. - กรีซ: เลือกตั้งทั่วไป
- ไทย: ดัชนีผลิลตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต (ธ.ค.)
27 ม.ค. - สหรัฐ: S&P/CaseShiller Index (พ.ย.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.), ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)
28 ม.ค. - ไทย: กนง. ประชุม
29 ม.ค. - ฟิลิปปินส์: 4Q14 GDP
- สหรัฐ: FOMC ประชุม, Pending home sales (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.)
30 ม.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.
- ไต้หวัน: 4Q14 GDP
- สหรัฐ: 4Q14 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852