- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 January 2015 15:46
- Hits: 1716
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...แกว่งทั้งแดนบวกและแดนลบ
ประเด็นที่ต้องจับตามองในอาทิตย์นี้ คือ การพยาการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกของ IMF หลังธนาคารโลกปรับลดประมาณการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกไปก่อนหน้านี้ โดยทาง IMF ได้มีการปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าลง 0.3% คือปีนี้จะโต 3.5 และปีหน้าโต 3.7% ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนใน Q4/14 โตมากว่าที่ตลาดคาดไว้คือ โต 7.3% เทียบการคาดการณ์ที่ 7.2% โดยปี 2014 GDp โต 7.4%เทียบเป้าหมายที่ 7.5% ส่วนการประชุม ECB ในวันที่ 22 นี้ ตลาดคาดว่าทาง ECB จะประกาศแผน QE โดยวงเงินจะอยู่ระหว่าง 500-700 พันล้านยูโร
จากโพล สำรวจของ Thomson Reuters พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ 18 คนจาก 20 คน บอกว่าทาง ECB จะประกาศแผนการทำ QE ในการประชุมในวันที่ 22 นี้ และในจำนวนนี้คือ 14 ใน 18 คนบอกว่าเม็ดเงิน QE ในระดับ 500-700 พันล้านยูโร จะไม่เพียงพอที่จะทำให้เงินเฟ้อขึ้นไปอยู่ในระดับ 2% ตามที่ ECB ต้องการ ดังนั้นหากผลออกมาตามที่ตลาดคาด คงจะไม่ได้กระตุ้นบรรยากาศการลงทุนให้คึกคัก เว้นแต่ว่าทาง ECB จะใช้เม็ดเงินที่ตลาดคาดไว้ที่ 1 ล้านล้านยูโร ส่วนในสหรัฐสิ่งที่ตลาดจับตามองมากที่สุด คือการประกาศงบ Q4/14 ของกลุ่มพลังงานและที่เกี่ยวข้อง โดยล่าสุดราคาน้ำมัน (WTI) เริ่มดิ่งลงรอบใหม่จากการที่ IMF ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกและข่าวที่ทางอิหร่านออกมาให้ความเห็นว่าราคาน้ำมันอาจดิ่งลงไปที่ 25 ดอลลาร์ต่อบารเรลล์
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในช่ว ง 2 วันที่ผ่านมายังคงเป็นผลจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ เป็นหลัก จากแรงหนุนของการคาดการณ์ว่าทาง ECB จะออกมาตรการ QE ราคาน้ำมันทรงๆตัว รวมทั้งการออกทริกเกอร์ ฟันส์ โดยดัชนีขึ้นมาเล่นที่กรอบ 1530-1540 จุดและอาจจะขึ้นไปใกล้ๆ 1550 จุด อย่างไรก็ตามในกรอบดังกล่าว เรามองว่าเป็นโอกาสดีที่จะขายทำกำไรออก เนื่องจากมองว่า ตลาดจะยังผันผวน จากปัจจัยภายในและภายนอก รวมทั้งการตัดสินปิดคดีอดีตนายกยิ่งลักษณ์กรณีรับจำนำข้าว
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ปี 2014 ถึงปัจจุบันจะพบว่าหุ้นในตลาด MAI ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดที่ประมาณ 110% จากภาวะการเก็งกำไรหุ้นเล็ก ขณะที่หุ้นใน SET SET100 และ SET50 ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกันคือที่ประมาณ 10% ดูจากรูปด้านซ้าย ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ขึ้นมากที่สุด คือ กลุ่มครัวเรือน ตามมาด้วย โรงพยาบาล วัสดุก่อสร้าง ขนส่งและหลักทรัพย์ ส่วนกลุ่มหลักที่ขึ้นมาที่สุดคือ ธนาคารพาณิชย์ ตามมาด้วย ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกค์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสารและโรงแรม
แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในวันนี้คาดยังแกว่งกรอบแคบๆทั้งแดนบวกและแดนลบ เพื่อรอดูการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ โดยแนวต้านอยู่ที่ 1540-1545 จุด ส่วนแนวรับที่ 1530-1525 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]