- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 January 2015 17:37
- Hits: 1780
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ซื้อลบแล้ว SET ดีดก็ยังเลือกขายได้ก่อน เพราะคาดยังผันผวน
กลยุทธ์ : SET เริ่มผันผวนมากขึ้นแม้ว่าจะยังยืนบวกได้ดี ทำให้คาดว่ายังมีลุ้นปรับพักตัวลงก่อนกลับไปแกว่งขึ้นจริงจังใหม่ ดังนั้นยังดูจังหวะขายทำกำไรช่วงบวกเพื่อรอซื้อกลับ หรือ ซื้อเพิ่ม ในช่วง SET ปรับตัวลงได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : EA, TH, MAJOR(buy back)
แนวโน้ม : หลังจากเช้าวานนี้ SET ปรับตัวลงแรงพอควรถึงกว่า 1% แต่ก็ยังมีแรงซื้อดันดัชนีให้กลับขึ้นมาปิดเป็นบวกได้อยู่ แสดงถึงแรงซื้อในตลาดที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ FSS คาดว่าการปรับพักตัวลงของ SET ในระยะนี้น่าจะมีกรอบลงที่ค่อนข้างจำกัด และยังมีลุ้นโอกาสพลิกกลับไปแกว่งบวกต่อเนื่องได้ตามคาดการณ์เดิม ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวได้ ซึ่งถือว่ายังมีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะมีจังหวะปรับพักฐานได้อีก เนื่องจากนักลงทุนยังเทขายทำกำไรกดดันตลาดหุ้นสหรัฐให้ย้อนลงปิดลบ ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่งของบริษัทอัลโค อิงค์ และข้อมูลเศรษฐกิจจีนช่วยหนุนก็ตาม ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ยังมีที่แกว่งลบ ซึ่งแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในบ้านเราที่ยังหนาตาอยู่พอควร ก็เป็นอีก 1 แรงกดดัน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับแรงขายของกองทุนในประเทศจาก LTF ครบอายุก็ยังมีสิทธิที่จะกระตุ้นให้นักลงทุนขายทำกำไรระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยงด้วย FSS จึงคาดว่า SET ยังมีสิทธิปรับพักตัวได้
แนวรับ 1530-1526 , 1520-1515 จุด
แนวต้าน 1537-1540 , 1545-1548 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$77.1 ล้าน ไทย US$63.3 ล้าน อินโดนีเซีย US$29.3 ล้าน และเวียดนาม US$1.7 ล้าน แต่ซื้อไต้หวัน US$75.4 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$21.3 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) น้ำมันยังร่วงต่อ วันจันทร์ที่ผ่านมา Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ในช่วง 3, 6, 12 เดือนข้างหน้า เป็น US$41, US$39, US$65 ต่อบาร์เรล จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ US$70, US$75, US$85 ตามลำดับ และปรับลดคาดการณ์ราคา Brent ลงเป็น US$42, US$43, US$70 ในช่วง 3, 6, 12 เดือนข้างหน้า จากเดิม US$80, US$86, US$90 และมองว่าราคาน้ำมันมีโอกาสลงไปลึกที่สุดที่ US$40 และต้องทรงตัวในระดับต่ำนานพอที่จะกดดันให้สหรัฐลดการผลิตลง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ปรับลดคาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมัน สะท้อนว่าราคาน้ำมันที่ตกต่ำเริ่มทำให้ผู้ขุดเจาะลดงบประมาณในการขุดเจาะลง เราคาดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพบจุดต่ำสุดใน 1Q15 และฟื้นใน 2H15
(0) ผลการประชุมครม.วานนี้ยังไม่มีอะไรให้เก็งกำไรมากนัก ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหุ้นกลุ่มต่างๆ มีเพียงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เวนคืนที่ดินเพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และกฎกระทรวงเรื่องการติดแผงโซลาร์บนตัวอาคาร สำหรับหุ้นกลุ่มรับเหมา เรายังคงชอบเป็นกลุ่มต้นๆสำหรับการลงทุนในปีนี้ ทั้ง CK, ITD และ STEC รวมถึงหุ้นขนาดเล็กเช่น SEAFCO, PYLON
(+) CPALL แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q14 อาจทำได้เพียงทรงตัว Q-Q คือ 2.6 พันล้านบาท เพราะ 4Q เป็นไตรมาสที่มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ ประกอบกับผลตอบรับของ Stamp promotion ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังน่าจะติดลบ 1.5% Y-Y แต่ก็ฟื้นตัวจาก -4.5% Y-Y ใน 3Q14 เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2014-15 ลงเล็กน้อย 4% และ 3% ตามลำดับ โดยคาดกำไรปี 2014 ทำได้เพียงทรงตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แต่จะกลับมาเติบโตโดดเด่น 31% Y-Y ในปี 2015 เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายดีลซื้อ MAKRO เหมือนปีก่อนและมีแผน Refinance หนี้ในปีนี้ เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 54 บาทจาก 55 บาทตามกำไรที่ปรับลง แต่ยังคงแนะนำซื้อ และเป็น Top pick ของกลุ่ม
(+) AIE เรากลับมาทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังนำ AIE เข้ามา IPO ในตลาดฯเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิงวด 9M14 ที่ต่ำเพียง 27.8 ล้านบาท (-80% Y-Y) ผิดจากที่เราคาดมาก เป็นผลจากขาดทุนสต๊อกเพราะราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ตกต่ำต่อเนื่องจาก 34.5 บาท/กก.เดือน ก.พ. เหลือ 24.27 บาท/กก.เดือน ก.ย. แต่เชื่อว่า 4Q14 จะพลิกเป็นกำไร 70 ล้านบาทตามราคาน้ำมันปาล์มดิบที่เริ่มขยับขึ้น คาดทั้งปี 2014 มีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท หดตัว 51% Y-Y เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 359 ล้านบาท +256% Y-Y ดีขึ้นทั้งธุรกิจไบโอดีเซลและการขายน้ำมันพืช (มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหญ่) ส่วนเครื่องจักรใหม่ที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตเริ่มผลิตแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ปรับราคาเป้าหมายปีนี้ลงเป็น 4.50 บาทจาก 5.80 บาท ราคาหุ้นสะท้อนผลประกอบการที่แย่ไปแล้วจนมี PE เพียง 11.3 เท่า จึงแนะนำซื้อ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังพุ่งขึ้นเกือบ 300 จุดระหว่างวันและถูกกดดันจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังลดลงรวมถึงความกังวลจากการที่เยอรมนีอาจไม่เห็นด้วยกับ ECB ในกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันนำโดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีกรวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษที่ต่ำสุดในรอบ 15 ปี
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมมีทั้งบวกและลบท่ามกลางความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกรวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ยังลดลงต่อ
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 45.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.18 ดอลลาร์/บาร์เรล จากอุปทานที่ยังคงล้นจากการที่ OPEC ยังไม่มีท่าทีปรับลดกำลังการผลิต
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,234.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์/ออนซ์ บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากราคาหุ้นมันดิบที่ยังร่วงลงรวมถึงความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 ม.ค. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ย.)
15 ม.ค. - ไทย: NDR เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.70 บาท)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
16 ม.ค. - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
19-23 ม.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารทยอยประกาศผลประกอบการปี 2014
20 ม.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ธ.ค.)
- จีน: 4Q14 GDP, ยอดค้าปลีก (ธ.ค.) Fixed asset investment (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ม.ค.)
21 ม.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ Monetary Policy Statement
- สหรัฐ: Housing starts, Building permit (ธ.ค.)
22 ม.ค. - ยูโรโซน: ECB ประชุม, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.)
23 ม.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ม.ค.)
- เกาหลีใต้: 4Q14 GDP
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852