- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 03 June 2014 16:01
- Hits: 3053
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today's Selection : BBL, INTUCH, PTTGC, CENTEL
Follow Buy : -
Follow Sell : -
ลุ้นขึ้นต่อ ยัง laggard กลุ่ม TIP
ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัว ขานรับดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สดใส โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. แตะที่ระดับ 56.4 จุด สูงสุดในรอบ 3 เดือน สะท้อนถึงการขยายตัวของภาคการผลิตจากธุรกิจใหม่ ขณะที่ตัวเลข ISM ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 55.4 จุด ขยายตัวเพิ่มขึ้น MoM ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ลุ้นขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1450 จุด โดยยังมีปัจจัยบวกทั้งภายในและภายนอกเข้ามาหนุน โดย Roadmap การกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของ คสช. มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนุนหุ้นกลุ่ม domestic play เช่น ก่อสร้าง ค้าปลีก เช่าซื้อ นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการสรุปการตั้งบอร์ด BOI รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนและการเร่งอนุมัติใบ รง4. คาดว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มนิคมฯ เช่น AMATA, HEMRAJ ทั้งนี้ แม้ตลาดจะปรับตัวขึ้นมากกว่า 50 จุด ใน 5 วันทำการล่าสุด แต่เรามองดัชนียังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ เนื่องจาก (1) เมื่อวานนี้ SET Index ปรับตัวขึ้นทั้งกระดาน อีกทั้ง นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิกว่า 2.6 พันล้านบาท (2) ตลาดหุ้นไทยยัง laggard ตลาดหุ้นกลุ่ม TIP (3) ค่าเงินบาทเช้านี้ อยู่ในช่วง 32.79-32.83 บาทต่อดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าสวนทางกับสกุลเงินในกลุ่ม TIP ที่อ่อนค่าลง โดยเรามองว่ากลุ่มหุ้นที่ยัง laggard ตลาด คือ กลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และการเงิน จึงเป็นโอกาสดีให้ซื้อสะสม PTTGC, PTTEP, TOP, BBL, KBANK, ASP
Moody's คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ Baa1 (stable) จากความแข็งแกร่งด้านปัจจัยพื้นฐานของความน่าเชื่อถือของไทย ขณะที่การคุมอำนาจของ คสช. จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยต่ออันดับความเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์และประเทศในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ซึ่งเรามองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต่างชาติหันกลับมาซื้อหุ้นไทย จากการถือครองหุ้นในระดับต่ำและ SET ยัง laggard ตลาดเกิดใหม่
กลยุทธ์การลงทุน : SET Index ยังคงปรับตัวแข็งแกร่งตามคาดพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น เรายังคงแนะนำ Let profit run ต่อไป และโฟกัสหุ้น 10 บริษัทประจำบทวิเคราะห์ Big Picture ของเราในเดือนนี้ ซึ่งได้แก่ CPALL, BJC, SCB, ANAN, MACO, AMATA, HEMRAJ, TICON, AAV, NOK
Stock S R Comment
BBL 188.00 195.00 laggard ตลาด Moody's คง Rating
INTUCH 75.00 78.50 ปันผลสูง ธุรกิจลูกหนุน
PTTGC 69.00 70.50 laggard ตลาดและกลุ่ม
CENTEL 32.00 34.00 อานิสงส์แผนฟื้นฟูท่องเที่ยว
แนวรับ 1,417 แนวต้าน 1,458
หุ้นมีข่าว :
มูดี้ส์ฯ คงอันดับเครดิตแบงก์ไทย : ทั้ง 12 แห่ง โดยสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานด้านความแข็งแกร่งของธนาคารยังต้านทานแรงกดดันตามวัฏจักรเศรษฐกิจและประเด็นการเมือง รวมถึงสะท้อนว่าการควบคุมอำนาจของ คสช. จะไม่บั่นทอนความแข็งแกร่งของธนาคารต่างๆ ลง โดยธนาคารต่างพร้อมรับมือกับการเพิ่มขึ้นของ NPL ในช่วง 12-18 เดือน เนื่องจากมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย คาดสินเชื่อทั้งระบบในปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 10% จากก่อนหน้าคาดเติบโตเพียง 4-5% ในด้านมุมมองของเรายังคงประมาณการสินเชื่อกลุ่มฯ เติบโตระดับปานกลางที่ 7%YoY โดยให้น้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" ทั้งนี้มองว่าหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ความต้องการสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นของธุรกิจขนาดใหญ่และ SME จะกลับมาเร็ว ส่งผลดีต่อ BBL, KBANK, KTB และ SCB
BTS พร้อมรับงานเดินรถ3เส้นทาง กรุงปักกิ่ง และสีเขียวเหนือ-ใต้ : โดยผลการประมูล Line 16 ที่กรุงปักกิ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2Q57 ขณะที่การก่อสร้างสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 28% คาดเริ่มเปิดประมูลเดินรถได้ในปี 58 ด้านสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) รฟม. ยังอยู่ระหว่างเตรียมการประกวดราคางานโยธา ทั้งนี้ เรามองว่าโอกาสที่จะชนะประมูลการเดินรถในปักกิ่งนั้น มีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากคู่แข่งเป็นผู้เดินรถรายใหญ่ที่เดินรถในปักกิ่งและฮ่องกง ขณะที่ BTS มีความได้เปรียบการเดินรถสายสีเขียวเข้มทั้ง 2 เส้น เนื่องจากใช้เงินลงทุนน้อยกว่าคู่แข่ง และมีระบบเดิมอยู่แล้ว ขณะที่ผู้โดยสารไม่ต้องเปลี่ยนขบวน (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.20 บาท)
SPCG รับรู้กำไรพิเศษ 567 ล้านบาท : จาก SPC (SPCG ถือหุ้น 99.99%) หลังปลดล๊อคเงื่อนไขทางการเงิน ทั้งนี้ SPCG อยู่ระหว่างการพิจารณานำเงินปันผลดังกล่าวนั้นไปขยายกิจการและจ่ายเงินปันผล (ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ) นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเข้าลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่นและในกลุ่มตะวันออกกลาง คาดได้ข้อสรุปใน 4Q57 ประเมินเงินปันผลงวด 1H57 ที่ 0.25-0.28 บาทต่อหุ้น อิงคาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57F ที่ 332 ล้านบาท โดยไม่รวมกำไรพิเศษ ขณะที่รายได้จาก Solar Rooftop ยังคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเมือเทียบกับรายได้รวม (ถือ ราคาเป้าหมาย 23.40 บาท)
ERW การเมืองผ่อนคลาย หนุนกลุ่มท่องเที่ยว : คงเป้ารายได้ปี'57 เติบโตราว 2-4% และกำไรจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น โดยมองว่า 2H57 จะดีกว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก แม้จะคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยปีนี้จะลดลงเหลือ 75% จากปีก่อนอยู่ที่ 79% แต่บริษัทก็ได้ทยอยปรับขึ้นค่าห้องพักไปแล้ว 2% ใน 2Q57 จากแผนทั้งปีจะปรับขึ้นราว 8% นอกจากนี้ยังมีแผนทยอยเปิดโรงแรมใหม่ในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะเห็นในฟิลิปปินส์ก่อนในปีนี้ พร้อมทั้งศึกษาตั้งกอง REIT คาดว่าจะสรุปภายใน 3Q57 ราคา Median Consensus 4.20 บาท
นักวิเคราะห์ :
ดุลเดช บิค, CFA, FRM, CAIA (ID: 29932)
E-mail: [email protected]
ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]