- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 January 2015 16:51
- Hits: 2593
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เล่นเด้งอย่าหวัง Gap มาก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยซื้อขายวันแรกปิด -14.42 จุด ที่ 1483.25 เกือบต่ำสุดของวัน นำโดยแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มต่างๆ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการขายปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่เป็นกลุ่มนำซื้อสุทธิราว 7 หมื่นล้านบาทในปี 57 (เฉพาะเดือนธ.ค.57 ซื้อสุทธิไป 2.4 หมื่นล้านบาท) ส่วนหนึ่งมาจากการซื้อของกองทุน LTF นอกจากนั้นนักลงทุนต่างชาติยังมีการขายสุทธิต่อจากปีก่อนด้วย (ปี 57 ต่างชาติขายสุทธิ 3.6 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงกับรายย่อย) เมื่อปิดสิ้นวันเมื่อวานนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศรายงานขายสุทธิ 2.6 พันล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.9 พันล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ
เราประเมินว่าตลาดหุ้นโดยรวมจะยังผันผวน ทั้งจากแรงขายทำกำไรใน LTF ที่ถือครองครบกำหนดที่จะออกมาในช่วงเดือนม.ค. เศรษฐกิจไทย & โลกมีการฟื้นตัวและเติบโตล่าช้ากว่าคาด ความไม่แน่นอนในปัจจัยภายนอก และราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงต่อเนื่องซึ่งกดดันหุ้นในกลุ่มก๊าซและน้ำมัน ดังนั้นในเดือนม.ค.58 เราจึงเลือกหุ้นที่เป็น Value Play คือ จ่ายปันผลดีและมี Valuation ไม่สูง ซึ่งได้แก่ AP, INTUCH, KTB หุ้นที่คาดว่าธุรกิจจะพลิกฟื้นได้ตามการเติบโตของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว (เห็นผลประกอบการ 4Q57 ที่จะประกาศออกมาภายในเดือนก.พ.58 ดีขึ้น) คือ MINT และหุ้นที่มีความโดดเด่นใน Theme การลงทุนภาครัฐที่จะมีความคืบหน้าและเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปี 58 คือ CK สำหรับหุ้น Dark Horse คือ SAMTEL มีปัจจัยกระตุ้นจากธุรกิจวางระบบที่มีแนวโน้มดีหลังเข้าสู่ระบบ Digital Economy และ KGI เป็นหุ้นปันผลสูงที่มักจะมีการซื้อลงทุนดักกันล่วงหน้า ส่วนหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เลือกเป็น TASCO เนื่องจากเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ลดลง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ ภาพหลักยังเป็นการแกว่งลงแบบมีเด้งเป็นระยะ แนวต้าน 1490-1505 หรือ 1510 จุด ตัดขาดทุนที่ค่าลบ การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนี & ราคาหุ้น สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High จากระดับปิดเมื่อวานนี้ พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ THCOM, SAMTEL, RS
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- กรีซ : หวั่นต้องออกจากยูโรโซน ทั้งนี้กรีซจะมีการเลือกตั้งในปลายเดือนม.ค.58 และนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาสของกรีซกล่าวว่า ถ้าพรรคไซรีซาชนะ กรีซอาจต้องออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน เพราะพรรคดังกล่าวนี้คัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และดูเหมือนว่าพรรคนี้จะมีคะแนนนำในการเลือกตั้งครั้งนี้ สำหรับเศรษฐกิจกรีซยังอ่อนแอมาก โดยอัตราการว่างงานสูงเกือบ 26% มีหนี้สินต่อจีดีพี 175%อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.57 ติดลบ 1.2% (เงินฝืด) ซึ่งติดลบมาตั้งแต่ 1Q56ถึงแม้ว่าจีดีพีใน 1Q-3Q57 จะขยายตัวเป็นบวกได้ 0.8%QoQ, 0.3%QoQและ 0.7%QoQ ตามลำดับ แต่ก็ยังซบเซามาก ทั้งนี้เศรษฐกิจกรีซคิดเป็นประมาณ 2% ของยูโรโซน
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่ง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,501.65 จุดร่วงลง 331.34 จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,652.57 จุด ลดลง 74.24 จุดดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,020.58 จุด ลดลง 37.62 จุด ปัจจัยกดดัน คือ ราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งแรงเพราะวิตกอุปทานที่สูงมากเกินไป ขณะเดียวกันอุปสงค์เติบโตน้อย รวมถึงปัญหากรีซที่อาจส่งผลกระทบต่อยูโรโซนด้วย
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงแรง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 2.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ร่วงลง 3.31ดอลลาร์ ปิดที่ 53.11 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยอุปทาน (Supply) ที่สูงยังกดดัน ทั้งนี้อิรักมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณส่งออกน้ำมันในเดือนม.ค.58 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.3 ล้านบาร์เรลหลังส่งออก 2.94 ล้านบาร์เรลในเดือนธ.ค.57 ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1980
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 17.8ดอลลาร์ หรือ +1.50% ปิดที่ระดับ 1,204 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 57 เท่ากับ 1.89% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน1.59% กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ(CPI) เดือน ธ.ค.57 อยู่ที่ 106.65 เพิ่มขึ้น 0.60%YoY แต่ลดลง0.50%MoM ส่งผลให้ CPI เฉลี่ยทั้งปี 57 เพิ่มขึ้น 1.89%YoY สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ธ.ค.57 อยู่ที่ 105.39 เพิ่มขึ้น1.69%YoY และเพิ่มขึ้น 0.18%MoM ส่งผลให้ Core CPI เฉลี่ยทั้งปี 57เพิ่มขึ้น 1.59%YoY แนวโน้มเงินเฟ้อปี 58 คาดว่ายังต่ำเพราะค่า Ft ไฟฟ้าลดลง, ราคาสินค้าเกษตรไม่สูง, รัฐบาลใช้มาตรการลดราคาเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนต่อ ทางธปท.คาดการณ์เงินเฟ้อปี 58 ไว้ที่ 1.2%
- PTTEP : ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงแรง เพราะทำให้ราคาก๊าซในปี 58-59 จะต่ำลงไปด้วย ทาง DBSV คาดว่าราคาก๊าซจะลดลงจาก 8.0 เป็น 7.5 US$/mmbtu ในปี 58 และเป็น 7.4 US$/mmbtuในปี 59 และมีโอกาสที่จะต้องตั้งสำรองด้อยค่าในโครงการมอนทาราที่มีผลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เหลว ในเบื้องต้นประเมินไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทผู้บริหารกล่าวว่าบริษัทมีต้นทุนการผลิตที่รวมค่าเสื่อมราคาเฉลี่ย 42 US$/บาร์เรล ถ้าราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 65-70 US$/บาร์เรล จะมีราคาขายเฉลี่ย 48-53 US$/บาร์เรล ซึ่งยังมีกำไรในทางบัญชี และบนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาพื้นฐาน PTTEP อยู่ที่ 109บาท เรายังแนะนำ Fully Valued
+ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันร่วง คือ สายการบิน (หุ้นเด่น AAV,BA), เดินเรือประจำเส้นทาง (หุ้นเด่น RCL) ยางมะตอย (หุ้นเด่น TASCO)และค้าปลีกในชีวิตประจำวัน (หุ้นเด่น CPALL) โดยสายการบินจะมีต้นทุนน้ำมันที่คิดเป็น 30-40% ของต้นทุนรวมลดลง ทั้งในส่วนที่ทำประกันความเสี่ยงไว้ในราคาที่ตำกว่าปี 57 และส่วนที่อิงกับราคา Spot เช่นเดียวกันผู้ประกอบการเดินเรือประจำเส้นทางก็มีต้นทุนลดลง (แต่ให้เช่าเรือเทกองจะไม่ได้ประโยชน์ เพราะลูกค้ารับส่วนค่าใช้จ่ายน้ำมันเอง) ยางมะตอยได้ผลบวกที่ต้นทุนการผลิตลดลง ขณะที่อุปสงค์ยังสูงเพราะการขยายถนนในไทยและภูมิภาคเอเชียยังมีมากอย่างต่อเนื่อง ด้านค้าปลีกได้ผลดีจากการที่ผู้บริโภคมีรายได้ที่แท้จริงมากขึ้นเมื่อราคาพลังงาน & ไฟฟ้าลดลง ก็นำส่วนที่ประหยัดได้มาจับจ่ายใช้สอย
• หุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SET50 ที่จะมีผลในช่วง 1 ม.ค.-30 มิ.ย.58คือ CK, HEMRAJ, KTIS, SPALI หุ้นที่ถูกถอดออก คือ BLA, GLOBAL,KKP, THCOM ส่วนหุ้นที่นำมาคำนวณใน SET100 มีผลในช่วงเวลาเดียวกัน คือ ANAN, DEMCO, HANA, ICHI, KTIS, PTG, SAWAD, SF,SGP, SIM ส่วนที่ถูกถอดออก คือ BLA, DCC, ESSO, MCOT, NYT, RS,SRICHA, TASCO, THRE, WHA ทั้งนี้การนำมาคำนวณใน SET50 หรือSET100 ไม่มีผลต่อมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แต่อาจมีผลต่อราคาหุ้น เนื่องจากหุ้นที่ถูกนำมาคำนวณก็จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันมากขึ้น ขณะเดียวกันหุ้นที่ถูกถอดออกก็มีโอกาสที่จะถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุน
+ ITD & STEC & UNIQ เตรียมเซ็นสัญญาสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่) คาดว่าจะเป็นเดือนมี.ค.58 และในเดือนม.ค.58 กระทรวงคมนาคมจะเร่งให้ครม.พิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ชมพู (แคราย-มีนบุรี) และเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)นับเป็นข่าวบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นเด่น คือ CK, STEC ,SEAFCO
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]