- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 December 2014 18:23
- Hits: 1486
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ถึงเวลาตกแต่งหน้าต่าง(Windows Dressing) คาด SET มีลุ้นรีบาวด์...
กลยุทธ์ : หลังจาก SET แกว่งพักตัวลงมาในสัปดาห์ก่อนและเริ่มมีแรงรับเข้ามาหนุนให้ทรงตัวได้บ้างแล้ว คาดว่าถัดจากนี้น่าจะอยู่ช่วงรีบาวด์กลับขึ้นไปแกว่งตัวด้านบวกได้อีกครั้ง ดังนั้นหลังจาก FSS แนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อช่วงลบไปแล้ว จากนี้ก็เน้นเป็นถือเพื่อรอหาจังหวะขายทำกำไรช่วงบวกสำหรับเทรดดิ้งตามรอบ เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด แต่ถ้าเป็นส่วนถือลงทุนระยะกลาง-ยาว เรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องได้ เพื่อรอรอบขึ้นจริงจังในปีหน้าต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AJD, AKP, KKP(buy back)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มทยอยกลับมาเปิดทำการปกติและยังสามารถเคลื่อนไหวในด้านบวกได้อีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังสดใสต่อเนื่อง ขณะที่ SET ได้มีจังหวะปรับพักตัวลงจากแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงไปบ้างแล้วในสัปดาห์ก่อน และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้เริ่มมีจังหวะแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่แล้วด้วย ทำให้ FSS คาดว่าในช่วง 2 วันสุดท้ายของปีนี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังอยู่ในช่วงแกว่งทรงตัวได้ดี และมีลุ้นโอกาสแกว่งด้านบวกเป็นหลักได้ ถึงแม้ว่ามูลค่าการซื้อขายอาจจะบางตาลงบ้าง เนื่องจากจะติดช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ก็ตาม ส่วนค่าเงินบาทก็ไม่ได้อ่อนตัวลงมากนัก รวมทั้งยอดซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติแม้จะเริ่มเบาบางแต่ยังมีจังหวะซื้อสลับให้เห็นอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีสิทธิที่จะมีแรงซื้อในลักษณะของการทำ Windows dressing เข้ามาช่วยหนุนตลาดได้ด้วย ดังนั้นเราคาดว่า SET มีลุ้นรอบดีดขึ้นได้
แนวรับ 1506-1503 , 1500-1493 จุด แนวต้าน 1515-1518 , 1522-1525 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางมากเพียง US$219 ล้าน เทียบกับไหลออก US$3,721 ล้านเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า เพราะหลายตลาดปิดทำการในช่วงคริสต์มาส ส่วนศุกร์ที่ผ่านมายังไหลเข้าแต่เบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$84 ล้าน เกาหลีใต้ US$65 ล้าน และเวียดนาม US$6 ล้าน แต่ขายไทย US$2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะไหลเข้าแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) จับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของกรีซวันนี้ หลังจากที่ล่มมา 2 รอบ หากยังไม่สามารถเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ (ซึ่งมีแนวโน้มสูง) กรีซจะต้องยุบสภาและจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ ประเด็นนี้อาจกดดันค่าเงินยูโรและบรรยากาศการลงทุนต่อเนื่องในต้นปีหน้า ขณะที่ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าต่อเล็กน้อย และอาจถูกกดดันต่อหากราคาน้ำมันดิบยังไหลลงอีก ทั้งนี้ S&P เตือนอาจปรับลงเครดิตของรัสเซียลงต่ำกว่า Investment grade (ปัจจุบันอยู่ที่ BBB-) หากสถานการณ์เศรษฐกิจเลวร้ายลงอีก
(+) เราปรับ SET Target สิ้นปี 2015 ลงเป็น 1,680 จุด จาก 1,700 จุด อิง PE 16 เท่า เพราะถูกกดดันด้วยกำไรของกลุ่มพลังงาน โดยคาดกรอบแกว่ง 1,420-1,800 จุด อิง PE 13.3-17 เท่าซึ่งเป็นกรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เน้นลงทุนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนและการปรับลงของราคาน้ำมัน ได้แก่กลุ่มธนาคาร (สินเชื่อโต NPL ลด) รับเหมา (งานประมูลจากภาครัฐมากขึ้น) และ ICT (ประมูล 4G) เลี่ยงกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ เกษตรและอาหาร พลังงานและปิโตรเคมี (โดยเฉพาะครึ่งปีแรกที่คาดราคาน้ำมันยังไม่ฟื้น) ตลาดหุ้นไทยเดือน ม.ค. 2015 มีโอกาสปรับลงจากแรงขายของ LTF ที่ครบกำหนด เพราะผู้ลงทุนเมื่อ 3 ปีครึ่งที่แล้วได้ผลตอบแทน 40-50% (สถิติ 5 ปีที่ผ่านมาปรับลง 2 - 5% M-M)
(0) ธปท.ปรับประมาณการลงมาใกล้เคียงกับ Consensus โดยปรับ GDP ปีนี้ลงเป็น 0.8% จาก 1.5% ซึ่งคาดการณ์เมื่อ ก.ย. และปรับปี 2015 เป็น 4.0% จาก 4.8% สิ่งที่ ปรับลงมากสุดในปีนี้คือการลงทุนภาครัฐ (จาก +3.3% เป็น -5.9%) ส่วนปี 2015 ปรับการบริโภคและการลงทุนของเอกชนลง สิ่งที่ธปท.เป็นห่วงคือรายได้เกษตรกรที่หดตัวอาจกระทบการบริโภคของภาคครัวเรือนมากกว่าคาด แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือแรงกดดันเงินเฟ้อลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก (ปรับอัตราเงินเฟ้อปีหน้าลงเหลือ 1.2% จากเดิมคาด 2.1%) และเห็นว่านโยบายการเงินปัจจุบันผ่อนปรนเพียงพอต่อเศรษฐกิจ ประมาณการของธปท.ใกล้เคียง Consensus ที่ปรับไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อตลาด แต่สะท้อนมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2015 ฟื้นตัวต่อเนื่องโดยยังมีความเปราะบางอยู่
(-) BCP เราคาดว่าบริษัทจะมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันถึง 2,475 ล้านบาทใน 4Q14 ทำให้ผลประกอบการพลิกเป็นขาดทุน 2,077 ล้านบาท แม้ค่ากลั่นใน 4Q14 จะดีขึ้นถึง 63% Q-Q และ 76% Y-Y แต่ชดเชยไม่ได้ เราปรับประมาณกำไรสุทธิในปีนี้ลง 70% เป็นหดตัว 76% Y-Y แต่ยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2015 โต 234% Y-Y โอกาสที่ BCP จะขาดทุนจากสต็อกอีกน่าจะน้อยเพราะเชื่อว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมี downside ต่ำ แต่การฟื้นของราคาน่าจะอยู่ใน 2H15 จึงเชื่อว่าราคาหุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะ underperform ตลาดต่อไปแม้ Valuation จะถูก สำหรับ BCP เรายังแนะนำขาย เพราะเต็มมูลค่า เป้าหมาย 31 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาขยับขึ้นได้เล็กน้อยจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใส แต่อย่างไรก็ตามปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางหลังจากปิดทำการในวันคริสต์มาส
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวค่อนไปในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังขยับขึ้นหลังจากหยุดคริสต์มาส
ค่าเงินบาทเริ่มขยับอ่อนค่าลงอีกครั้ง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-32.95 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 54.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.11 ดอลลาร์/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่ารวมถึงความกังวลเรื่องอุปทานที่ยังล้นตลาด
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,195.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียรวมถึงคาดการณ์ที่ว่าจีนอาจเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฟิลิปปินส์
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
- สหรัฐ: S&P/Case Shiller Index (ต.ค.)
31 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไทย
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Pending Home Sales (พ.ย.)
1 ม.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
- จีน: Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (พ.ย.)
3 ม.ค. - จีน: HSBC China Composite PMI (พ.ย.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชนและ Markit PMI (พ.ย.)
5 ม.ค. - ไทย: อัตรางินเฟ้อ (ธ.ค.)
6 ม.ค. - จีน: HSBC China Composite PMI (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852