- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 02 June 2014 14:54
- Hits: 2967
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : ยืน 1,410 แนวโน้มขาขึ้น
Technical : แนวรับ 1,410 / 1,400 แนวต้าน 1,427 / 1,450
หุ้นแนะนำพิเศษ : KTB แนวรับ 18.80 แนวต้าน 19.50-19.80
หุ้นเด่นรายวัน : AJD ESTAR EA
วันศุกร์ตลาดหุ้นไทยปิดบวกขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,415.73 จุด เพิ่มขึ้น 7.22 จุด(+0.51%) มูลค่าการซื้อขาย 61,487.34 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,137.33 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,378(1,370)- 1,410 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นแรงกดดันต่อหุ้นขนาดใหญ่ โดยแรงซื้อหรือปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นสัญญาณบวกต่อปรับยืนเหนือ 1,410 และการเข้าซื้อเก็งกำไรเล่นรอบตามการคาดการณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนจากทางการ ในขณะที่ SET50 ระยะสั้นของการปรับตัวเน้นยืน 950-947 ไม่ควรปิดต่ำกว่าลงมาเพื่อดำรงการแกว่งตัวทิศทางขาขึ้นตามกันกับSMA5วันที่ทำหน้าที่เส้นแนวรับขาขึ้น GFM14 เก็งกำไรในกรอบ 19,410-19,720 GFQ14 เก็งกำไรในกรอบ 19,480-19,790
กลยุทธ์ การกลับเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรเล่นรอบหรือความมั่นใจในการเข้าซื้อถือทั้งในระยะสั้นและระยะกลางเป็นปัจจัยหลักที่ส่งให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ระยะสั้นการปรับตัวยังคงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเพื่อเล่นรอบ ระหว่างวันอาจมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่เนื่องจากต่างชาติยังคงปรับน้ำหนักการลงทุน หุ้นในกลุ่มธนาคาร ปรับตัวลงแนะนำซื้อถือระยะกลาง KTB SCB KBANK กลุ่มพลังงานรอการปรับตัวลงแรงเพื่อซื้อระยะกลางและระยะสั้น กลุ่มโรงแรงคาดได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมา CENTEL ERW กลุ่มโรงกลั่น TOP PTTGC กลุ่มสื่อสาร ADVANCซื้อเล่นรอบเมื่อปรับตัวลงแรง หุ้นรายหลักทรัพย์ TASCO MONO FSS CPN CHO ระยะกลาง ถือ และซื้อเพิ่มเมื่อปรับตัวลงแรง
หุ้นแนะนำพิเศษ
KTB (ราคาปิด 18.90 ซื้อ เป้าหมาย 25.20) เป็นแบงก์รัฐทำให้ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 การเพิ่มหน่วยงานดูแลลูกค้ากลุ่มธุรกิจขึ้นมาทำให้สินเชื่อยังเติบโตได้แม้สินเชื่อภาครัฐแผ่วลงจากการไม่มีรัฐบาลใหม่ กำไรสุทธิ 1Q57 อยู่ที่ 8,310 ล้านบาท ลดลง 3%YoY เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.72% จาก 2.67% ใน 1Q56 สินเชื่อปลายไตรมาสแรกขยายตัว 3.25%YTD จากลูกค้าภาคเอกชนช่วยชดเชยสินเชื่อภาครัฐที่แผ่วลง สินเชื่อ NPL เพิ่มขึ้น 10%YoY ส่งผลให้ %NPL อยู่ที่ 2.87% จาก 2.58% เมื่อปลายปี 56 กำไร 1Q57 คิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปีที่ 3.5 หมื่นล้านบาท ยังคงประมาณการตามเดิม คาด dividend yield ราว 5-6% สูงสุดในกลุ่มแบงก์
หุ้นเด่นรายวัน
AJD (ปิด 2.90 ซื้อเป้าปี 57: 3.20) คาดผลการดำเนินงานจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิใน 2Q57 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้เพราะไตรมาส 2 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และคาดกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นใน 3Q57 จากการจำหน่ายกล่องรับสัญญาณ TV Digital หรือ Set Top Box โดย AJD มีความได้เปรียบคู่แข่งในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายเพราะสินค้าของ บริษัทวางจำหน่ายผ่านห้าง Modern Trade อาทิ เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, พาวเวอร์ บาย, เดอะ มอลล์ แม็คโคร และ 7-11 (Globlex เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย)
ESTAR (ราคาปิด 0.79 ซื้อเก็งกำไร) ผู้บริหารมั่นใจกำไรปี 2557 ล้างขาดทุนมีอยู่ 108 ล้านบาทให้หมดได้ภายในปีนี้ สร้างประวัติศาสตร์แจกปันผลครั้งแรก โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ (ที่มา : ทันหุ้น)
EA (ราคาปิด 14.80 ซื้อเก็งกำไร) ทุ่มงบ 8,500 ล้านบาท ทำโครงการโซลาร์ฟาร์ม 90 MW ที่ลำปาง ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 58 ส่วนโครงการลม 126 MW เตรียมเริ่มก่อสร้างภายในช่วงปลายปีนี้ (ที่มา : ข่าวหุ้น)
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* EFORL มีผลบังคับใช้ 28 เม.ย. - 6 มิ.ย. 57
* EVER/ IFEC / OCEAN / SUPER มีผลบังคับใช้ 6 พ.ค. - 13 มิ.ย. 57
* PAF/ PDI มีผลบังคับใช้ 19 พ.ค. - 27 มิ.ย. 57
* AJP / APCO / EE มีผลบังคับใช้ 26 พ.ค. - 4 ก.ค. 57
* BMCL / RPC มีผลบังคับใช้ 2 มิ.ย. - 10 ก.ค. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : เพิ่มขึ้น 18.43 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 18.43 จุด นักลงทุนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐหลังสหรัฐยังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 81.9 จากช่วงก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 81.8 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65.5 ในเดือนพ.ค. จาก 63 ในเดือนเม.ย. และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 18.43 จุด หรือ +0.11% ปิดที่ 16,717.17 จุด ดัชนี NASDAQ ลดลง 5.33 จุด หรือ -0.13% ปิดที่ 4,242.62 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.54 จุด หรือ +0.18%ปิดที่ 1,923.57 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 0.87 เหรียญ
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 87 เซนต์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นในวันก่อนหน้า นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนเม.ย.ที่ลดลง 0.1% จากเดือนมี.ค.ที่ขยายตัว 1% อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบไม่ได้ลดลงมากนักเนื่องจากตลาดยังมีแรงหนุนจากรายงานตัวเลข ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้น และตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 65.5 จาก 63 ในเดือนเม.ย. และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 87 เซนต์ ปิดที่ 102.71 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 56 เซนต์ ปิดที่ 109.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]