- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 02 June 2014 14:33
- Hits: 3006
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังมีสิทธิย้อนพักฐานลงอีกได้ ดังนั้นยังรอซื้อช่วงลบอยู่...
กลยุทธ์ : ยังแนะนำให้ระวังจังหวะแกว่งผันผวนของ SET อยู่ แต่คาดกรอบการลงไม่ลึกนัก และยังมีลุ้นแกว่งขึ้นต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นจึงยังเลือกหุ้นซื้อสะสมในช่วงตลาดปรับลงได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ROJNA, TICON, GLOBAL(short)
แนวโน้ม : เมื่อค่ำวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงในช่วงต้น ก่อนที่จะพลิกกลับขึ้นมาบวกเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ที่เปิดทำการยังสามารถขยับบวกต่อเนื่องได้อีก (ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวันปิดทำการ) อย่างไรก็ตามในสัปดาห์ที่แล้ว SET ดีดกลับขึ้นมาพอควร ขณะที่ถ้อยแถลงของหัวหน้า คสช. ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาระบุว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้คงต้องใช้เวลาอีกกว่าปี และไม่ได้มีการชี้ชัดว่าจะมีรัฐบาลเฉพาะกิจเกิดขึ้นในช่วงนี้หรือไม่ โดยดูเหมือนว่าอาจจะรอปฎิรูปการเมืองไปพร้อมกับการดำเนินการทางเศรษฐกิจภายใต้การจัดการของคณะ คสช. และกลุ่มที่ปรึกษาต่อไปก่อนมากกว่า ทำให้น่าจะยังกดดันให้มีแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง นอกจากนี้อาจจะต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังนักลงทุนบางส่วนที่คาดหวังว่าจะมีรัฐบาลเฉพาะกิจมารักษาการก่อนการเลือกตั้งอาจจะผิดหวัง อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่ากรอบการปรับตัวลงช่วงนี้ก็น่าจะจำกัดเพราะปัญหาการเมืองที่คลี่คลายไปในระดับหนึ่ง น่าจะช่วยหนุนให้ภาวะเศรษฐกิจของบ้านเราค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง
แนวรับ 1413-1410 , 1405-1400 จุด แนวต้าน 1418-1420 , 1423-1426 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค US$318 ล้าน ลดลงจาก US$1,383 ล้านในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนศุกร์ที่ผ่านมา Flow กลับมาไหลออกแต่ปริมาณเบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติขายในตลาดหุ้นไทย US$66 ล้าน และอินโดนีเซีย US$55 ล้าน ขณะที่ซื้อตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$22 ล้าน ไต้หวัน US$14 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$11.1 ล้าน และเวียดนาม US$11 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลออกแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) เศรษฐกิจเดือนเม.ย.เริ่มทรงตัวได้เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แม้ภาพของเศรษฐกิจจะยังชะลอลงจากปีก่อนแต่เริ่มทรงตัวได้เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q14 น่าจะเริ่มทรงตัวได้ใน 2Q14 และค่อยๆฟื้นตั้งแต่ 3Q14 โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเดือน เม.ย. หดตัว Y-Y ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 แต่อัตราการหดตัวเริ่มลดลง และขยายตัวได้เล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ส่วนการลงทุนภาคเอกชนหดตัว Y-Y ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 หากเทียบกับเดือนมี.ค.ลดลงเพียงเล็กน้อย การส่งออกยังฟื้นตัวได้ช้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไปน่าจะดีขึ้นอย่างช้าๆหลังการเมืองนิ่งขึ้น เราคาดเบื้องต้น GDP 2Q14 +0.7% Y-Y ดีขึ้นจาก 1Q14 ที่ -0.6% Y-Y (+) ติดตามโรดแมพเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ ไม่น่าต่างจากที่เป็นข่าวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นแผนระยะสั้นคือดูแลเศรษฐกิจระดับรากหญ้าผ่านการจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนา ยกเลิกเคอร์ฟิวในเมืองท่องเที่ยวที่ไม่มีความเคลื่อนไหวทางการเมือง แผนระยะกลางคือผลักดันงบประมาณที่ค้างท่อ และเร่งจัดทำงบประมาณปี 2558 โรดแมพที่ชัดเจนจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ในระดับหนึ่ง แต่นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว โดยนับตั้งแต่ประกาศกฎอัยการศึกถึงปัจจุบัน กลุ่มที่บวกแรงสุดคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (+16.3%) ค้าปลีก (+6.5%) โรงพยาบาล (+6.3%) ไฟแนนซ์ (+5.5%) ยานยนต์ (+4.4%) อสังหาฯ (+3.7%) เทียบกับ SET +0.8% จึงอาจมี Sell on fact ระยะสั้นๆ แต่เราจะถือเป็นโอกาสในการเพิ่มพอร์ตอีกครั้ง
(+) กลยุทธ์การลงทุน มิ.ย. ‘ลงซื้อ ขึ้นถือ เน้น Domestic Plays’ เรามีมุมมองดีขึ้นต่อเศรษฐกิจหลังรัฐประหารเพราะถือว่าสิ้นสุดบรรยากาศทางการเมืองที่อึมครึมและดูไม่มีทางออกตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ครั้งนี้เศรษฐกิจจอาจฟื้นเร็วกว่าครั้งก่อนๆ จากการขับเคลื่อนโดยภาคเอกชนเป็นหลักขอเพียงการเมืองนิ่งและมีสเถียรภาพ เราปรับเพิ่ม GDP ปีหน้าโดยปรับเพิ่มการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน หุ้นที่น่าสนใจจึงเป็น Domestic Plays อีกครั้ง หุ้นที่แนะนำเดือนนี้ได้แก่ AOT, CPALL, GUNKUL, RML, TMB
(+) TMB กลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่ปรับตัวแย่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่ม ICT นับตั้งแต่ประกาศกฏอัยการศึก โดยปรับลง 1.9% สวนทาง SET ที่ปรับขึ้น 0.8% โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ที่ถูกถือครองโดยต่างชาติสูงเช่น SCB, KBANK ลงแรง 5.4% และ 3.9% ตามลำดับ และมีความเสี่ยงอาจถูกขายต่อ ในทางตรงกันข้าม TMB เริ่มน่าสนใจทั้งไม่ใช่หุ้นที่ต่างชาตินิยมแล้ว ในแง่ Valuations ยังถูก เพราะมี PE 15 เท่าในปีนี้และ 13.7 เท่าในปีหน้า มี PBV 1.5 เท่าปีนี้และ 1.4 เท่าปีหน้า ต่ำกว่าช่วงรัฐประหารปี 2006 ที่มี PBV 1.8 เท่า ส่วน PE หาค่าไม่ได้เพราะขาดทุน ขณะที่กำไรปี 2014 นี้ เราคาดเติบโต 17% Y-Y สูงสุดในกลุ่มที่โตเพียง 2% เราแนะนำซื้อ TMB เป้าหมาย 2.60 บาท
(-) ราคายางตลาดโตเกียวส่งมอบเดือน ก.ย. ลงแรง -5.3% อยู่ที่ 189.4 เยน/กก. ต่ำสุดในรอบ 4 ปีเพราะไทยเริ่มเข้าสู่การผลิตรอบใหม่อีกครั้ง ขณะที่การบริโภคของจีนชะลอ และตลาดยังอยู่ในภาวะ Oversupply มา 2-3 ปีแล้ว หลีกเลี่ยง STA
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดในกรอบแคบๆโดยขยับตัวขึ้นได้เล็กน้อย 18.43 จุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาสลับมีทั้งบวกและลบ
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในกรอบแคบๆเช่นกัน โดยนักลงทุนจับตาดูนโยบายการเงินของ ECB ที่จะรายงานออกมาสัปดาห์หน้า ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นประมาณ 0.6%
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลเรือมังกร แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เปิดนั้นปรับตัวพุ่งขึ้นรับตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ออกมาน่าพอใจ
ค่าเงินบาทขยับอ่อนค่าลงแรงต่อจากกระแสเงินทุนที่ยังไหลออกต่อเนื่อง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.00 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ขยับลง 0.87 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 102.71 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากปรับตัวขึ้นในวันก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตจีนที่ประกาศออกมาวานนี้ค่อนข้างดีคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงอีก 11.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,246.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำร่วงลงแรงสุดในรอบ 2 เดือน หลังตลาดหุ้นปรับตัวทำ New High ต่อเนื่อง รวมถึงแรงกดดันจากอุปสงค์จากฝั่งเอเชียที่ลดลง
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852