- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 02 June 2014 14:30
- Hits: 3114
บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
HIGHLIGHT ทางเทคนิคมีสัญญาณซื้อระยะสั้น ซื้อหุ้นที่ยัง laggard เป้าระยะไม่เกินสัปดาห์ที่ 1,450 จุด
SET View
ประเด็นหลัก จากโรดแมพของ คสช. ครั้งล่าสุด เราคาดว่าจะมีการเริ่มตั้งรัฐบาลชั่วคราวภายใน 1-2 สัปดาห์ จะทำให้การดำเนินงานและนโยบายภาครัฐที่ได้ดำริขึ้นจะมีความชัดเจนมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็น่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้การเติบโตเศรษฐกิจในประเทศไม่ชะงักงัน ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ (ช่วงสั้นๆ) จากข้อมูลในอดีตพบว่า ในช่วงรัฐประหารในปี 2549 ที่ได้ประกาศให้มีการตั้งรัฐบาลใหม่ เราพบว่านักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาซื้อสุทธิภายใน 3 วันทำการ โดยในครั้งนั้น SET ได้ปรับขึ้น 5% ภายในระยะ 1 สัปดาห์ แม้หุ้นในกลุ่ม SET50 อาจจะปรับขึ้นตัวได้ช้าหากยังมีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ แต่เรามองว่าความเสี่ยงของหุ้นขนาดใหญ่เริ่มมีจำกัด โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ที่น่าจะได้รับความกดดันที่ลดลงจากเรื่องปัญหา NPL หลังจากกำลังซื้อของลูกค้ารายย่อยที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่อานิสงค์จากแนวทางเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากทำให้การปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มดีขึ้นในระยะถัดไป
ทิศทางของกระแสเงินทุนในตลาดการเงินโลกเริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นโลกอีกครั้งหนึ่งราว 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ยังคงต่ำกว่าการไหลเข้าในตลาดพันธบัตรโลกที่สูงถึง 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ประกอบกับดัชนี Bull & Bear Index ที่กระโดดขึ้นมาที่ 7.6 จากเพียง 4.3 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เริ่มกลับมาของนักลงทุนในระยะสั้น ขณะที่จีนเพิ่งประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือน พ.ค.ที่ 50.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วที่ 50.4 ซึ่งนับเป็นแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตและขยายตัว
กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มาก เราแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรหุ้น
ที่จะได้รับอานิสงค์จากนโยบายของ คสช. ที่จะเร่งดำเนินการในทันที ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (CPALL HMPRO MC) กลุ่มอสังหา (SPALI AP) ได้รับอานิสงค์จากกำลังซื้อฟื้นตัว กลุ่มรับเหมา (CK SEAFCO) ที่มีงานในรองรับระยะยาว สำหรับนักลงทุนระยะกลาง แนะนำ ให้ทยอยซื้อสะสม หุ้นกลุ่มธนาคาร (BBL KBANK) ที่จะได้รับประโยชน์จากการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในแผนนโยบายเร่งด่วนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจระยะสั้น อีกทั้งยังนับเป็นกลุ่มที่ราคายังไม่ได้ปรับขึ้นหลังเกิดการรัฐประหารเช่นกัน (ปรับขึ้นเพียง 1.2%) และ กลุ่มพลังงาน (PTTEP TOP) ส่วนหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง ยังคงเป็น กลุ่มโรงแรม และ กลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากมีหลายประเทศประกาศเตือนเข้าประเทศไทย
Stock Picks
CK (+) แม้ว่าโครงการลงทุนใหญ่ของ คสช.จะกลับมาเริ่มดำเนินการใหม่แต่ยังคงต้องรอความชัดเจนอีกหลายประเด็น อย่างไรก็ดีเรามองว่า CK จะได้รับความเสี่ยงน้อยแม้ว่ายังไม่มีงานโครงการขนาดใหญ่ในช่วงนี้ เพราะงานในมือกว่า 1 แสนล้านบาท และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าและเขื่อนน้ำบากที่รอทำเซ็นสัญญามูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้ในอนาคตให้มีความต่อเนื่อง ทำให้เรามองว่า CK จะสามารถรักษาระดับรายได้ไม่ต่ำกว่า 7.5 พันล้านบาทต่อไตรมาส และอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 10% มูลค่าเหมาะสมที่ 22.44 บาท แนะนำ “ซื้อ”
EFORL (+) หาก คสช.สามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายคงค้างที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุขได้เร็ว จะเป็นปัจจัยบวกต่อ EFORL ซึ่งจะมีโอกาสเพิ่มรายได้จากโรงพยาบาลของรัฐในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนการเจาะตลาดเอกชน ยังมีความได้เปรียบจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ให้กับแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศหลากหลายผลิตภัณฑ์ ได้รับการยอมรับในวงกว้างจากแพทย์ ทำให้มีคำสั่งซื้อซ้ำต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีสถานะ “ปลอดหนี้” ทำให้มีความเสี่ยงในการดำเนินงานต่ำ สามารถขยายธุรกิจได้ตามแผนธุรกิจในเร็วๆ มูลค่าเหมาะสมที่ 0.95 บาท แนะนำ “ซื้อ”
Technical Plays
ดัชนีหุ้นเมื่อวันก่อนปิดเป็นแนวโน้มแกว่งตัว 3 วันทางขาขึ้น อาจมีการแกว่งตัวต่อเล็กน้อยในกรอบ 1,405-1,415 จุด ยืนเหนือ 1,400 จุด ยังมีน้ำหนักแกว่งตัวทางขาขึ้น มีแนวต้านแรก 1425 จุด (กรณีต่ำกว่า 1400 จุด จึงจะเป็นสัญญาณขาลงระยะสั้น)