- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 December 2014 17:07
- Hits: 2289
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ยังต้องระวังแกว่ง...หลุด 1520 ลดพอร์ตตาม”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้แกว่งลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน เมื่อราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงอีกครั้งหลังจากคณะรัฐมนตรีซาอุฯยืนยันผลิตน้ำมันดิบที่เดิม และกล่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่งและมีศักยภาพมากพอที่จะรองรับราคาน้ำมันที่ผันผวนชั่วคราวได้ (ซึ่งตลาดและเราแปลความว่าน้ำมันดิบยังจะซบเซาจากสงครามราคาน้ำมันไปอีกระยะหนึ่ง) ตลาดปิด -5.66 จุดที่ 1531.17 ซึ่งยังอยู่เหนือเส้น SMA10 ได้อยู่ ภาพระยะสั้นมากจึงเป็นลบแต่ไม่มาก (ส่วนระยะกลางยังไม่หลุดภาพ Sideway down) นักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.เดินหน้าซื้อสุทธิต่อกลุ่มละ1 พันกว่าล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิแต่น้อยลงเหลือ 600 กว่าล้านบาท ที่เหลือเป็นการขายสุทธิของรายย่อย
สำหรับวันนี้ ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/57 ของสหรัฐที่เติบโตแกร่งถึง 5% ซึ่งเป็นการขยายตัวรายไตรมาสสูงสุดในรอบ 11 ปี อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องระวัง คือ ความวิตกกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งมักจะกลับมากดดันในช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีมากๆ ส่วนในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่มากนัก อย่างไรก็ดี รัฐบาลยืนยันผลักดันการลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานในช่วงปี 58-65 มูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งเข้ามา เราเชื่อว่าโครงการลงทุนก็ยังจะต้องเดินหน้าต่อไปซึ่งปัจจัยนี้เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง โดยจะช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และหลายบริษัทยังมีโอกาสขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านด้วย หุ้นเด่น คือ CK, STEC, SEAFCO, SCC หุ้นเก็งกำไรเป็น ITD นอกจากนั้นการลงทุนยังเป็นบวกกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ด้วย โดยเฉพาะแบงค์ใหญ่ที่มีฐานลูกค้า Corporate & SME ที่เป็น Supply Chain ของการลงทุนภาครัฐ หุ้นเด่น KBANK, BBL, KTBในด้านมาตรการสกัดหุ้นร้อนที่จะใช้ตั้งแต่ 5 ม.ค.58 คาดว่าจะมีผลต่อการซื้อขายหุ้นขนาดเล็กบ้าง ภาพตลาดโดยรวมยังขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจไทย การเคลื่อนย้ายเงินทุน และแนวโน้มกำไรบจ.เป็นสำคัญ หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น MODERN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นลบเล็กๆ โดยมีแนวต้าน 1540-1550 จุด ยืนเหนือ 1550 ได้ถือต่อ แต่ถ้าหลุด 1520 จุด ควรStop Loss สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List LPN, SCC, ITD, CHOW ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่GLOW, INTUCH, FSMART, BH, GENCO ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ -ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาขึ้นมาในพื้นที่ขายทำกำไร คือ –ไม่มี-
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : จีดีพีไตรมาส 3/57 ขยายตัว 5% ซึ่งเป็นการปรับทบทวนขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ 3.9% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่4.6% นับเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/46 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 4.3%
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคผู้บริโภคแข็งแกร่ง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.เพิ่มเป็น 93.6 สูงสุดนับตั้งแต่ม.ค.50 และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย.ปรับขึ้น 0.6%MoM ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4%MoM]
- สิ่งที่ต้องระวัง คือ ความกังวลเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ย โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีและแข็งแกร่งมาก กระตุ้นให้ความวิตกกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วจะกลับมา ทั้งนี้ล่าสุดประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกแนะนำให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่กลางปี 58
• อังกฤษ : จีดีพีไตรมาส 3/57 โต 2.6% สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่าจีดีพีไตรมาส 3/57 ขยายตัว 2.6%YoY ซึ่งถูกปรับทบทวนลงจาก 3.0% ในรายงานก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเทียบกับ 2Q57ขยายตัว 0.7%QoQ ไม่เปลี่ยนแปลง
• หุ้นเทคโนโลยีอ่อนแต่การรีบาวด์หุ้นพลังงานช่วยพยุง ดัชนี DJIAปิด 18,024.17 จุด +64.73 จุด ดัชนี NASDAQ ปิด 4,765.42 จุด -16.00จุด ดัชนี S&P500 ปิด 2,082.17 จุด +3.63 จุด
+/• สัญญาน้ำมันดิบรีบาวด์ โดย WTI สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบก.พ.เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องระวังเรื่องอุปทานสุง ซึ่ง EIA จะรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบก.พ.อ่อนต่อ 1.8 ดอลลาร์หรือ -0.15% ปิดที่ 1,178.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้การเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ หนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งกดดันราคาทองคำ
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
- สศค.คาดเศรษฐกิจไทยปี 57 โตได้ 1.1% ไม่ได้ย่ำแย่มากอย่างที่หลายหน่วยงานกังวลกันว่าจะต่ำกว่า 1% โดยในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ รัฐบาลจะแถลงผลงานในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหม่อมอุ๋ยจะเป็นผู้แถลงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด
• มาตรการสกัดหุ้นร้อนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะประกาศใช้ในวันที่ 5 ม.ค.58 มีหลักเกณฑ์ใหม่ที่ให้อำนาจตลท.พิจารณาหยุดพักการซื้อขายเป็นการชั่วคราวได้ (Halt) และห้ามการขายหลักทรัพย์ที่ต้องยืมหลักทรัพย์มาเพื่อส่งมอบ (ชอร์ตเซล)
# หุ้นเข้าข่าย Trading Alert List – ให้ซื้อขายด้วยบัญชี Cash Balance3 สัปดาห์ และถ้ายังซื้อขายผิดปกติอีกให้อยู่ต่ออีก 3 สัปดาห์
# หุ้นเข้าข่าย Trading Alert List ครั้งที่ 2 – ห้ามนำมาคำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายทุกบัญชี และต้องซื้อขายบัญชี Cash Balance 3 สัปดาห์
# หุ้นเข้าข่าย Trading Alert List ครั้งที่ 3 – ห้ามนำมาคำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายทุกบัญชี และต้องซื้อขายบัญชี Cash Balance 3 สัปดาห์และห้ามซื้อขายแบบ Net Settlement เป็นเวลา 3 สัปดาห์
# หุ้นหลุด Cash Balance ไม่เกิน 1 เดือนแล้วยังซื้อขายผิดปกติ –ห้ามนำมาคำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายทุกบัญชี และต้องซื้อขายบัญชีCash Balance 3 สัปดาห์ หรือตามระยะเวลาที่เหลือของเกณฑ์ 6 สัปดาห์(ใช้อันมาก) ถ้ายังซื้อขายผิดปกติอีก ก็ห้ามนำมาคำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายทุกบัญชี และต้องซื้อขายบัญชี Cash Balance 3 สัปดาห์ และห้ามซื้อขายแบบ Net Settlement เป็นเวลา 3 สัปดาห์ หรือตามระยะเวลาที่เหลือของเกณฑ์ 6 สัปดาห์ (ใช้อันมาก)
+ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง & วัสดุก่อสร้าง เติบโตดีในระยะยาว รมว.คมนาคมเผยแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยในปี 58-65 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 3 ล้านล้านบาท ครอบคลุมการพัฒนาลงทุนระบบ ราง น้ำ ถนน อากาศ โครงการเด่นคือ สร้างรถไฟทางคู่เพิ่ม 3,994 กม. รถไฟกึ่งความเร็วสูง 3 เส้นทาง 1,567กม. รถไฟฟ้า 10 สายทาง ถนน 4 เลนเชื่อมการค้าชายแดน ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ท่าเรือชายฝั่งทะเลเพิ่ม 5 แห่ง ท่าเรือลำน้ำ 1 แห่ง พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะสอง ปรับปรุงสนามบินดอนเมือง ภูเก็ต อู่ตะเภา แม่สอด
ความเห็น DBSV Retail Research : การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจไทย ถึงแม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งเข้ามา เราเชื่อว่าโครงการลงทุนก็ยังจะต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งปัจจัยนี้เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง โดยจะช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และหลายบริษัทยังมีโอกาสขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านด้วย หุ้นเด่น คือ CK, STEC, SEAFCO, SCC หุ้นเก็งกำไรเป็น ITD นอกจากนั้นการลงทุนยังเป็นบวกกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ด้วย โดยเฉพาะแบงค์ใหญ่ที่มีฐานลูกค้า Corporate & SME ที่เป็นSupply Chain ของการลงทุนภาครัฐ หุ้นเด่น KBANK, BBL, KTB
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]