- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 December 2014 16:54
- Hits: 1634
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET จะยังแกว่งตัวผันผวนอีกสักระยะ ดังนั้นยังรอซื้อในช่วงลบได้!
กลยุทธ์ : หลังจากช่วงที่ผ่านมา SET ขยับบวกขึ้นมามากพอควรแล้ว ทำให้ช่วงถัดจากนี้ดัชนีมีสิทธิที่จะแกว่งตัวผันผวนอยู่อีกสักพัก ก่อนลุ้นแกว่งตัวขึ้นต่ออย่างจริงจังอีกครั้งในต้นปีหน้า ดังนั้นช่วงนี้ FSS จึงไม่แนะนำให้ซื้อตามในลักษณะไล่ราคา แต่ให้รอซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลงดีกว่า และสามารถหาจังหวะขายทำกำไรช่วงบวกบ้างเพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวน แต่ถ้าเป็นส่วนถือลงทุนระยะกลาง-ยาว เรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องมากกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SGP, RML, MINT(buy back)
แนวโน้ม : SET ยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและปรับพักตัวย้อนลบให้เห็นสลับ หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีดีดตัวกลับขึ้นมาค่อนข้างแรงและเร็วพอควร อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่าแรงซื้อจาก LTF/RMF จะยังมีเข้ามาหนุนต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าอาจจะแผ่วลงไปบ้างแต่คาดว่าจะยังสามารถพยุงตลาดไว้ไม่ให้ปรับตัวลงแรงได้ ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวในด้านบวก เพื่อตอบรับปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 11 ปี ซึ่งน่าจะช่วยผลักดันให้ SET กลับมาแกว่งตัวบวกต่อได้อีกครั้ง ดังนั้น FSS จึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลงได้ รวมทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกกับภาวะตลาดในปีหน้าอยู่ หลังจากเลือกหุ้นซื้อแล้วจึงสามารถเน้นเป็นถือต่อเนื่องเพื่อลงทุนในระยะกลาง-ยาวได้ด้วย แต่ถ้าเป็นส่วนของเทรดดิ้งตามรอบ เราแนะนำให้ดูจังหวะขายทำกำไรในช่วงบวกบ้างเพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว เพราะคาดว่าเริ่มเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ จึงทำให้อาจมีแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมากดดันให้ SET มีจังหวะปรับพักตัวลงด้านลบให้เห็นเป็นระยะด้วย
แนวรับ 1525-1520 , 1515-1510 จุด แนวต้าน 1535-1540 , 1545-1548 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$114.1 ล้าน ไทย US$18.6 ล้าน อินโดนีเซีย US$16 ล้าน แต่ซื้อไต้หวัน US$40.9 เวียดนาม US$4.2 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$0.3 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางเพราะหลายตลาดปิดเนื่องในวันคริสต์มาส
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) GDP 3Q14 ของสหรัฐฟื้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ปี 2003 โดยเพิ่มขึ้นถึง 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดีขึ้นจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 3.9% และสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 4.3% หลักๆมาจากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งเพราะการว่างงานลดลงและราคาน้ำมันก็ลดลง ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทันทีและมีทิศทางแข็งค่าต่อในปีหน้า
(-) การเลือกประธานาธิบดีกรีซ ล่มเป็นรอบที่ 2 วานนี้รัฐสภากรีซยังไม่สามารถเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ได้ จะมีการเลือกใหม่เป็นรอบที่ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ หากไม่สำเร็จก็อาจต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ความไม่แน่นอนอาจกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในช่วงที่ผ่านมาแม้ EU และ IMF ให้เงินช่วยเหลือกรีซ 2.4 แสนล้านยูโร แต่เศรษฐกิจก็เพิ่งฟื้นตัวหลังถดถอยมานาน 6 ปี มีการคาดการณ์ว่า GDP กรีซในปีนี้จะขยายตัว 0.6% และปีหน้า 2.9% แต่หากเศรษฐกิจกลับมาชะลอตัวก็อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของยุโรปทั้งหมด
(-) PTTEP เราคาดกำไรสุทธิใน 4Q14 หดตัวถึง 65% Q-Q และ 28% Y-Y เหลือเพียง 5,329 ล้านบาท จากการตั้งด้อยค่าของโครงการมอนทาราและ Oil Sand ที่บริษัทลงทุนในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ที่ระดับ US$100/บาร์เรล นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงกว่า US$30 ใน 4Q14 ทำให้รายได้จากการขายปิโตรเลียมลดลง เราปรับกำไรสุทธิปี 2014 ลง 18% เป็นหดตัว 9% Y-Y และลดกำไรสุทธิปี 2015 ลง 31% จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยลงจาก US$90/บาร์เรล เป็น US$70/บาร์เรล ทำให้กำไรสุทธิปี 2015 ลดลง 12% Y-Y ลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และปรับเป้าหมายปี 2015 ลงเหลือ 128 บาทจาก 167 บาท ยังคงแนะนำเพียงถือ เพราะแม้ราคาหุ้นจะปรับลงมาแล้วแต่ upside ยังจำกัด
(-) PTTGC เราคาดกำไรสุทธิใน 4Q14 ลดลง 25% Q-Q และ 24% Y-Y จากผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันกว่า 4.5 ล้านบาท แต่ธุรกิจหลักมีกำไรดีขึ้นจากธุรกิจโอเลฟินส์ที่ดีขึ้น โรงกลั่นก็ดีขึ้นเพราะค่าการกลั่นเพิ่มเล็กน้อย ชดเชยธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ยังขาดทุนเล็กน้อยได้ เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2014-15 ลงปีละ 9% ทำให้กำไรสุทธิปีนี้ลดลง 23% Y-Y และปี 2015 ฟื้นตัว 10% Y-Y หลังปรับสมมติฐานราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีหน้าลง และปรับราคาเป้าหมายปี 2015 ลงเป็น 59 บาท จาก 62 บาท (PBV 1 เท่า) เพราะแม้ราคาหุ้นจะปรับลงมาแล้วแต่ upside ยังจำกัด ยังคงแนะนำเพียงถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพังพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ต่อเนื่องหลังตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 11 ปี
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนสามารถปิดในแดนบวกได้เช่นกันโดยได้รับปัจจัยบวกจากฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯที่พุ่งขึ้นรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าประทับใจ
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกทางข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.94 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของสหรัฐฯขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,178.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฟิลิปปินส์และฮ่องกง
- ไทย: EPG เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.80 บาท)
25 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย และสหรัฐฯ
26-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฮ่องกง อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.), LHSC เริ่มเทรด
30-ธ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
- สหรัฐ: S&P/Case Shiller Index (ต.ค.)
31-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไทย
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Pending Home Sales (พ.ย.)
1-ม.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
- จีน: Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (พ.ย.)