- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 December 2014 16:29
- Hits: 1497
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET จะขึ้นทดสอบ 1500 จุด
SET View
แนวโน้ม SET จะแกว่งตัวขึ้นทดสอบ 1500 จุด แต่คาดว่ายังไม่ผ่าน มองกรอบเคลื่อนไหว 1470-1500 จุด ด้วยปัจจัยผสมผสาน (1) ถ้อยแถลงนโยบายของเฟดที่เปิดเผยเมื่อวาน บ่งบอกเป็นนัยว่าจะไม่รีบร้อนขึ้นดอกเบี้ย ทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอาจยืดไปจนถึงปลายปีหน้าจะเดิมที่คาดจะเป็นกลางปี ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนปรับขึ้นกว่า 288 จุด (+1.7%) (2) ราคาน้ำมันดิบ Brent กลับมายืนเหนือ US$60 ต่อบาร์เรลจะผ่อนคลายแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามจิตวิทยาการลงทุนโดยรวมจะได้รับการกดดันจาก (3) เงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งโดย US dollar Index ขึ้นทดสอบระดับสูงสุดรอบสัปดาห์ที่ 89 บ่งบอกว่าสินทรัพย์เสี่ยงที่เป็น Non-US Dollar ยังมีโอกาสผันผวน (4) นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2 วันกว่า 1 หมื่นล้านบาทคาดว่าเกิดจากเม็ดเงิน LTF เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ก่อนหน้า ทำให้เม็ดเงินจาก LTF ที่จะช่วงพยุงตลาดจะเริ่มจำกัด (5) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องกว่า 5.8 พันล้านบาท และ 6 วันทำการได้ขายสุทธิไปแล้วกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท และ (6) ทางเทคนิค SET กำลังสร้างฐานบริเวณ 1448+/- ผ่านขึ้นไปได้จะขึ้นไปทดสอบ 1520 จุด ไม่ผ่านจะกลับลงไปต่ำกว่า 1400 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน เน้นการถือครองเงินสด/ทยอยขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นมาแรงเมื่อวานนี้ หรือหากรับความเสี่ยงได้มาก หาจังหวะลงแรงซื้อ-รีบาวน์ขึ้นขาย
1)Top Daily Pick: CK (หนึ่งในผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีโอกาสได้งานประมูลโครงการขนาดใหญ่เพิ่มที่จะชัดเจนในต้นปีหน้า กอปรกับมีโอกาสเติบโตจากธุรกิจสาธารณูปโภคที่ดำเนินการโดยบริษัทลูก) PTTGC (คาดราคาหุ้นสะท้อน Stock Loss จำนวนมากที่จะเกิดขึ้นใน 4Q57 ไปแล้ว เป็นตัวเดียวในกลุ่มโรงกลั่น/ปิโตรเคมีที่เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” จากราคาหุ้นถูกสุดในกลุ่ม)
2)Technical Pick : PTTGC KTB ITD TMB STEC
3)Theme Play : กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KBANK KTB SCB) ที่จะผันผวนตาม SET กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย (SPALI AP PS) ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กลุ่มทีวีดิจิทัล (GRAMMY NBC RS WORK) กลุ่มร้านอาหาร/เครือข่าย (M KAMART) จากแนวโน้มการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ
ระยะ 1-2 สัปดาห์
Trading BGH GRAMMY KAMART INTUCH SIM M MFEC
Delete: NBC Add: M
ระยะ 3- 6 เดือนขึ้นไป
Growth HOTPOT SNC TOP TUF WORK
Dividend BBL EGCO KAMART MODERN PTTGC SNC SRICHA
Quant AH BTS EGCO MODERN MSC PTG TUF
Update : กลุ่มพลังงาน (น้ำหนักการลงทุน “เท่าตลาด”) กลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น พบกันใหม่ปีหน้า เลือก PTTGC เป็น Top Pick
• เมื่อวันก่อน (16 ธ.ค.) ธนาคารกลางรัสเซียประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 10.5% ขึ้นสู่ระดับ 17% เป็นการปรับขึ้นครั้งเดียวที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 41 เพื่อพยายามแก้ปัญหาการลดลงของทุนสำรองระหว่างประเทศ (FX Reserve) ซึ่งปรับลดลงไปแล้วราว 1/5 จากระดับสูงสุดของปีก่อนมาที่ US$ 4.18 แสนล้านในเดือนพ.ย. ผลสืบเนื่องจากเงินทุนไหลออกที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค.จากกรณีพิพาทกับยูเครน ,มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ/ระงับธุรกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศตะวันตก ตามด้วยมาตรการปกป้องค่าเงินโดยใช้ทุนสำรองในเดือนพ.ย. แต่ก็ไม่ได้ผล กลับถูกซ้ำเติมจากภาวะตกต่ำของราคาเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันดิบ/แก๊สธรรมชาติ (รัสเซียส่งออกเชื้อเพลิงกว่า 60% ของยอดส่งออกรวม) รวมถึงการชะตัวตัวเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ส่งผลให้นักลงทุนและประชาชนสุญเสียความเชื่อมั่นในค่าเงินสกุลรูเบิล ซึ่งได้เสื่อมมูลลงมากกว่า 1/2 ในเวลาเพียง 3 เดือน
•การเสียความมั่นใจของนักลงทุน/ประชาชน ขยายตัวจนเกิดเป็นการสะท้อนกลับ เมื่อค่าเงินเสื่อมมูลค่านำไปสู่การไหลออกของทุนสำรอง และการไหลออกของทุนสำรองนำไปสู่การเสื่อมมูลค่าของค่าเงิน นำมาสู่การขึ้นดอกเบี้ยเรียกความมั่นใจเพื่อยุติปรากฏการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ทำให้ค่าเงินชะลอการอ่อนค่าลงแต่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณกลับทิศทางแต่อย่างใด
•เราไม่วิตกต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจริง ทั้งต่อประเทศไทยและต่อโลก เนื่องจากการค้าระหว่างรัสเซียกับไทยมีสัดส่วนเพียง 1% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันขนาดเศรษฐกิจของรัสเซียไม่ใหญ่มาก คิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% และ 2% ของ GDP โลก และของการค้าโลกตามลำดับ
•สิ่งที่น่าวิตก คือ หากมาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ยังไม่สามารถยุติการการลดลงของทุนสำรองรวมถึงการอ่อนค่าของค่าเงินรูเบิลได้อาจต้องใช้มาตรการรุนแรงถึงขั้นปิดประตูการเงินและคุมเงินเข้าออกประเทศ (Capital control) ซึ่งเราคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการปรับพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาค เนื่องจากรัสเซียมีหนี้ต่างประเทศราว 1.7 เท่าตัวของเงินทุนสำรองหรือราว US$7.3 แสนล้าน เป็นหนี้ของภาคเอกชนและสถาบันการเงินในสัดส่วนมากกว่า 90% ซึ่งมูลหนี้ดังกล่าวน่าจะมีความเชื่อมโยงกับตลาดการเงิน/ตลาดทุน ในภูมิภาคโดยเฉพาะฝั่งยุโรปทั้งโดยตรงและโดยอ้อมไม่มากก็น้อย จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
ทิศทางค่าเงินรูเบิลเทียบสกุลดอลลาร์สหรัฐ
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.79
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.04
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.71
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.55