- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 December 2014 22:19
- Hits: 1685
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ลงลึกมากแล้ว ทำให้มีลุ้นใกล้ดีดกลับ ดังนั้นทยอยซื้อแล้วเน้นถือ...
กลยุทธ์ : แม้ SET ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวลงต่อเนื่องตามภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ก็ยังมีแรงซื้อสลับเข้ามาหนุนเป็นระยะ โดย FSS คาดว่า SET มีลุ้นใกล้จบรอบขาลงในเร็วๆ นี้ และมีสิทธิพลิกกลับไปเป็นขาขึ้นในช่วงถัดไปได้ ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบและเน้นถือต่อเนื่องไว้เช่นเดิม โดยใช้ดูจังหวะในการซื้อเพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวน
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CSS, SMART , LOXLEY(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ยังปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวเป็นลบต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่ามีลักษณะทรงตัวได้บ้าง เพราะยังอยู่ภายในกรอบลบเดิมของวันก่อนหน้า แต่เช้านี้คาดว่าจะยังมีแรงขายกดดันต่อเนื่องอีก เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ไม่สดใสนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปลายสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงรุนแรง จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก จึงทำให้ SET ยังมีความเสี่ยงต่อการที่จะแกว่งตัวลดลงได้อีก อย่างไรก็ตาม FSS ยังคาดว่าแรงซื้อจากเม็ดเงินใหม่ของกองทุน LTF, RMF ช่วงท้ายปีน่าจะยังมีเข้ามาช่วยพยุงตลาดเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงท้ายสัปดาห์นี้(18-21 ธ.ค.) จะมีงาน “มหกรรมมีใช้ตอนแก่ด้วย LTF-RMF” ที่จัดโดย ตลท. ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นให้มีแรงซื้อจากกองทุนฯ เข้ามาเสริมอีกในสัปดาห์หน้าด้วย โดยปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะมีการประชุม กนง. ในวันที่ 17 ธ.ค. และติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดหลังการประชุมเฟดช่วง 16-17 ธ.ค.นี้ด้วย ว่าจะมีท่าทีต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอย่างไร
แนวรับ 1512-1508 , 1500-1486 จุด แนวต้าน 1524-1530 , 1538-1548 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคจำนวน US$1,937 ล้าน เป็นสัปดาห์แรกในรอบ 6 สัปดาห์ ส่วนศุกร์ที่ผ่านมาไหลออกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในปริมาณที่หนาแน่น โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$223.5 ล้าน ไต้หวัน US$157.5 ล้าน ไทย US$89.3 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$20.6 แต่ซื้ออินโดนีเชีย US$3.4 ล้าน และเวียดนาม US$0.1 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลออกต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) กลุ่มพลังงาน : จับตาการประชุม กพช.วันนี้ ที่จะพิจารณาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซ และพิจารณาปรับขึ้นภาษีดีเซลพร้อมกับปรับลดเงินกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของดีเซลลง หรือเป็นการสลับเงินกองทุนน้ำมันฯ ดีเซลกับภาษีดีเซล จะมีผลให้ภาษีดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 0.75 บาทต่อลิตร ส่วนจะเป็นเท่าไหร่ขึ้นกับกพช. แต่ไม่มีผลต่อราคาหน้าปั๊ม และไม่มีผลต่อผู้ค้าและโรงกลั่นที่ซื้อขายน้ำมันตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นราคาหน้าโรงกลั่นก่อนที่จะรวมภาษีและกองทุนน้ำมันฯ รวมกันเป็นราคาขายปลีก นอกจากนี้คาดว่าจะมีการทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มและเอ็นจีวี เพื่อลดภาระการอุดหนุนของรัฐ และ PTT จะได้ไม่ต้องรับภาระขาดทุนปีละกว่า 30,000 ล้านบาท (อีจีวี 20,000 และ LPG 10,000 ล้านบาท) อีกต่อไป ซึ่งรวมอยู่ในประมาณการเราแล้ว หุ้นกลุ่มพลังงานระยะสั้นคาดว่าจะยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอีกสักระยะหนึ่งจากสงครามราคาของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกที่ยังไม่สิ้นสุด ควรหันไปลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการปรับลดราคาน้ำมันแทน เช่น กลุ่มขนส่ง ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง หรือพลังงานทดแทนที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแทน
(0) จุดสนใจของทั่วโลกอยู่ที่การประชุม Fed ครั้งสุดท้ายของปี 16-17 ธ.ค. ต้องติดตามมุมมองของ Fed ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีหน้า ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง (เราคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า) และอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์ในสัปดาห์นี้กลับมาแข็งค่าหลังถูกขายกำไรในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรายังคงมองแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ในปีหน้าอยู่ในทิศทางแข็งค่า
(+) Forward PE ปี 2015 ของตลาดลดเหลือ 13.8 เท่า การปรับลงของ SET Index ในสัปดาห์ที่ผ่านมาถึง 5% ทำให้ค่า Forward PE ปี 2015 ลดลงเหลือ 13.8 เท่า บนสมมติฐาน EPS Growth ปีหน้าที่ 18.2% ถือเป็นระดับที่น่าซื้อลงทุน แม้เราจะลองปรับประมาณการกำไรกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีลง 20% ซึ่งทำให้ EPS Growth ปีหน้าเติบโตลดลงเป็น 12% Forward PE จะอยู่ที่ 14.3 เท่า ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ลงทุนระยะยาวได้ เรายังชอบเป็นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มท่องเที่ยว (สายการบิน สนามบิน การแพทย์) ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง กลุ่มสื่อสารซึ่งอ่อนไหวน้อยต่อเศรษฐกิจและมีเงินปันผลสูงสม่ำเสมอ และกลุ่มธนาคารที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ
(0) BLA เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2015 ลงเป็น 51 บาท จากเดิม 55 บาท แต่เพิ่มคำแนะนำจากขาย เป็นถือ เพราะราคาหุ้นปรับตัวลงมารับผลประกอบการที่แย่ใน 3Q14 แล้ว แม้ว่าจะยังไม่ฟื้นตัวเร็วใน 4Q14 เพราะอาจยังมีภาระการตั้งสำรองค่าสินไหมสูงต่อเนื่องตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ลดลงอีก แต่แนวโน้มกำไรปี 2015 น่าจะกลับสู่ระดับปกติได้ที่ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,000% จากกำไรปีนี้ที่คาดว่าจะเหลือเพียง 146 ล้านบาท (-97% Y-Y) และอาจมี Upside สำหรับประมาณการในช่วงปลายปีหน้าจากความเป็นไปได้ที่บริษัทจะกลับรายการเงินสำรองฯหากอัตราดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาขึ้นซึ่งอาจเป็นช่วงปลายปี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ร่วงแรงกว่า 300 จุดหลังราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องซึ่งยังเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลแก่นักลงทุน
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ร่วงแรงเช่นกันจากราคาสินค้า Commodity ที่ปรับตัวลง รวมถึงแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบยังดิ่งลงแรงต่อเนื่อง
ซึ่งจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดปรับตัวลดลง
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกทางข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.74-32.86 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 2.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ OPEC ออกมายืนยันว่าจะไม่ปรับลดกำลังการผลิตรวมถึงคาดการณ์ของ IEA ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลงอีก
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 3.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,222.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น รวมแรงกดดันจากการดิ่งลงของราคาน้ำมันซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 ธ.ค. - ญี่ปุ่น:4Q14 Tankan Index
- สหรัฐ: Industrial Production (พ.ย.), NAHB Housing Market Index (ธ.ค.)
16-17 ธ.ค. - สหรัฐ: FOMCประชุม
16 ธ.ค. - จีน:HSBC China Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI, ZEW Survey Expectations (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (พ.ย.)
17 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (เราคาดคงดอกเบี้ยที่ 2%), ยอดขายรถ (พ.ย.)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
18 ธ.ค. - สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
19 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ Policy Statement
22 ธ.ค. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852