- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 December 2014 16:32
- Hits: 2257
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีจังหวะอ่อนตัว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันอังคารตลาดหุ้นไทยร่วงต่ออีก 15.99 จุดมายัง 1559.56 โดยปัจจัยที่กดดันยังเป็นการปรับพอร์ตหลังภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะประเทศขนาดใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐก่อให้เกิดความวิตกกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สวนทางกับประเทศส่วนใหญ่ในโลก อาจทำให้ Fund Flow ในปี 58 มีความผันผวน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3.6 พันล้านบาท พอร์ตบล.ขายสุทธิ 1.2 พันล้านบาท รายย่อยและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ ปัจจัยที่ติดตาม คือ ผลประชุมเฟด, ผลประชุมECB, ผลประชุม BOJ และผลประชุมกนง.ในกลางสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ Sentiment ตลาดยังเป็นลบเพราะขาดปัจจัยหนุนที่มีนัยสำคัญ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่การร่วงแรงของ SET Index ก็มีลุ้นรีบาวด์ รวมถึงคาดว่าแรงซื้อ LTF จะยังช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือนธ.ค. สำหรับหุ้นที่น่าสนใจลงทุน คือ กลุ่ม Large Cap ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปี 58 โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นDomestic Play ส่วนกลุ่มที่เกี่ยวกับน้ำมันและโภคภัณฑ์ยังให้ชะลอการลงทุนไปก่อน หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CPN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นลบและอยู่ในทิศทาง Sideway down ต่อ ทั้งนี้ดัชนีได้ปรับฐานลงและกำลังทดสอบแนวรับ1550+/- จุด โดยหากอ่อนตัวลงต่อก็จะมีแนวรับถัดไป 1520+/- จุด ส่วนการรีบาวด์จะมีแนวต้าน 1570, 1590 จุด ถ้าไม่ผ่านกรอบบนของแนวต้านนี้(คือ 1590 จุด) ก็ควรขายไปก่อนเพราะหมายถึงตลาดยังไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางไปเป็น Sideway up
สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ UV, AKR, KC, ABC ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ GUNKUL, PTส่วนหุ้นที่หลุด List คือ -ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาขึ้นมาในพื้นที่ขายทำกำไร คือ IRCP
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจไม่เร็วนัก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่าเฟดควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงกลางปีหน้าหรือหลังจากนั้น ซึ่งประธานเฟดสาขาซาน ฟรานซิสโก ได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนมุมมองนี้ด้วยเช่นกัน
- กรีซ : มีความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยจะมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิม2 เดือน ทั้งนี้รัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้ตัดสินใจยืดระยะเวลาการเจรจาโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกรีซออกไปถึงต้นปี 58
-/• จีน : อัตราเงินเฟ้อภาคค้าปลีกและค้าส่งลดลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ย.อยู่ที่ 1.4% ลดลงจากเดือนก่อนที่ 1.6% และ 11M57 เท่ากับ2.0% ต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 3.5% สำหรับ PPI พ.ย.ลดลง 2.7%และ 11M57 ลดลง 1.8%...อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำลงทำให้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนอาจจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายอีกในปี 58 หลังปรับลดไปแล้วเมื่อพ.ย.จาก 6.0% เป็น 5.6%
• เกาหลีใต้ : ธนาคารกลางมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่2.00% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่ง...หุ้นพลังงาน & ธนาคารกดดัน ดัชนี DJIA -268.05 จุด หรือ -1.51% ดัชนี NASDAQ -82.44 จุด หรือ -1.73% ดัชนีS&P500 -33.68 จุด หรือ -1.64%
- สัญญาน้ำมันดิบลดลงต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบม.ค.-2.88ดอลลาร์ ปิดที่ 60.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT -2.6 ดอลลาร์ ปิดที่64.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ปี 58 โอเปคคาดอุปทานน้ำมันเพิ่มมากกว่าอุปสงค์ กลุ่มโอเปคคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลกปี 58 จะเพิ่มขึ้น 1.12 ล้านบาร์รเลต่อวัน ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ราว 7 หมื่นบาร์เรล และคาดว่าอุปทานน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปคจะเพิ่มขึ้น 1.36 บาร์เรลต่อวันในปี 58 เป็น 57.31 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่กลุ่มโอเปคคงปริมาณการผลิตไว้เท่าเดิมราว 31 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อพ.ย.57
• สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบก.พ. -2.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,229.4ดอลลาร์/ออนซ์ หลังปรับขึ้นแรงวันก่อนหน้า แต่ราคาลดลงไม่มากเพราะมีแรงหนุนจากค่าเงิน US$ ที่อ่อนลง
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
+ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้ประโยชน์จากงานภาครัฐที่เดินหน้ามากขึ้นล่าสุด ITD-UNIQ-STEC ชนะประมูลราคางานโยธาสายสีเขียว โดยมูลค่างานที่ ITD ชนะประมูลอยู่ที่ 15,280 ล้านบาท ของ UNIQ 6,729 ล้านบาทและของ STEC 6,885 ล้านบาท หลังจากนี้จะทำด้านเอกสารและต่อรองราคา คาดลงนามในสัญญาได้ช่วงเม.ย.-พ.ค.58 และเริ่มก่อสร้างมิ.ย.58ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดเปิดดำเนินการได้มิ.ย.2562 เราประเมินว่าจากนี้ไปโครงการลงทุนภาครัฐจะเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นหลังจากรัฐบาลทยอยผ่านช่วงทบทวนโครงการ ซึ่งการลงทุนภาครัฐเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญในปีหน้า หุ้นเด่นของ DBSV เป็น CK (ราคาพื้นฐาน 29.5บาท) และ STEC (ราคาพื้นฐาน 29.5 บาท)
•/- ครม.อนุมัติมาตรการระยะปานกลาง-ยาว 4 ชุดโครงการ ได้แก่ 1)โครงการนาโนไฟแนนซ์ – ปล่อยกู้ให้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี คาดจะเริ่มได้ในก.พ.58 , 2) การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SME ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาทและรายได้ไม่เกิน 30ล้านบาท/ปี, 3) มาตรการปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรในสินค้าประเภทวัตถุดิบ สินค้ากึ่งสำเร็จรูป เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต และ 4)การออกพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 1 แสนล้านบาท (ส่วนแรก 5 หมื่นล้านบาทเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 58 และส่วนที่สองให้ธ.ก.ส.ออก 5หมื่นล้านบาทเป็นการชดเชยผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว
+ ครม.มีมติเห็นชอบร่าง MOU ระหว่างไทย-จีน เพื่อร่วมมือกันในโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ เส้นทางหนองคาย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กม.โดยจะลงนามกันในเดือนธ.ค.57
• กฎหมายภาษีที่ดินอาจไม่ทันใช้ในปี 58 เนื่องจากต้องใช้เวลาในการประเมินราคาที่ดินใหม่
+ SAT คาดปี 58 เติบโตดีขึ้น โดยการผลิตรถยนต์ของไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะ 2.2 ล้านคันในปี 58 จาก 1.9 ล้านคันในปีนี้ ยอดขายเครื่องจักรกลทางการเกษตรเติบโตได้ 17% เป็น 7.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งภาพรวมอุตสาหกรรมที่ดีขึ้นทำให้คาดว่ายอดขาย SAT ในปี 58 จะขยายตัวได้ประมาณ 15% อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 17-18% จากปีนี้ที่ 16-17%ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อการพาณิชย์และการเกษตรเพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหญ่คือ คูโบต้าและฮีโน่ แนะนำซื้อ SAT ให้ราคาพื้นฐาน 22.50 บาท
• WEH เร่งหาผู้ร่วมทุนใหม่ หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยมีกระแสข่าวว่า DEMCO และ GUNKUL สนใจซื้อหุ้นจากกลุ่มนายนพพร
กวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]