- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 December 2014 16:13
- Hits: 1672
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -268.05, NASDAQ -82.44, S&P -33.68, FTSE -29.43 และ CAC -36.03 ยกเว้น DAX +6.02 ภายใต้ปัจจัยกดดันจากการขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่มิย.’52 จากความกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี’58 ลงสู่ระดับ 28.92 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษ
…..ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศกรีซ หลังนายกรัฐมนตรี แอนโทนิส ซามาราส ประกาศว่ารัฐสภากรีซจะลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 17 ธค.นี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิม 2 เดือน
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ราคาส่งมอบเดือน มค. -US$2.88 อยู่ที่ US$60.94 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบล่าสุด เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 380.8 ล้านบาร์เรล และกลุ่มโอเปคได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก (ข้างต้น) ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่มิย.’52
....ทางด้านราคาทองคำ ราคาส่งมอบเดือน กพ. -US$2.6 อยู่ที่ US$1,229.4 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปที่ปรับลง ได้หนุนความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -3,544 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -9,954 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสลดลง ภายใต้ปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมัน หลังราคาลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี และคาดส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามแนะติดตามกลุ่มการบิน เช่น THAI, BA, NOK และ AAV ที่คาดได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดังกล่าวแล้ว คาดยังมีปัจจัยหนุนจากช่วง High Season ของการท่องเที่ยว
.....ขณะที่ประเด็นในประเทศคาดได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow หลังล่าสุดต่างชาติขายสุทธิกว่า 3,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับการชดเชยบ้างจากสถาบันในประเทศ ส่วนทางด้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังที่เสนอต่อ ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คาดส่งผลดีผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ในระยะกลางและยาว เช่น โครงการนาโนไฟแนนซ์ ที่คาดช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SME เป็นต้น
....โดยยังแนะติดตาม (1) การประชุม กนง. ในวันที่ 17/12/57 ที่มีการคาดหมายออกมาบ้างว่าอาจมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (2) Window Dressing – 4Q/57 และ (3) มาตรการป้องกันการเก็งกำไร ในหุ้นขนาดเล็ก ที่คาดมีความชัดเจนต้นปี’58
.....รวมถึงแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – 65 ซึ่ง ครม. อนุมัติเมื่อ 21/10/57 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว โดยล่าสุด (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีน ด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 2.17% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +3.64 อยู่ที่ 18.53
หุ้นแนะนำ : KTC
ประเด็นที่ต้องติดตาม (11 – 12 ธค.’57)
11/12/57 : (1) สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. (2) สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (3) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ต.ค.
12/12/57 : (1) สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน พ.ย. (2) สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือน ธ.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788