- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 December 2014 16:01
- Hits: 1812
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
กลุ่มพลังงานกดดันการฟื้นตัว
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน จากการปรับตัวลงแรงของหุ้นกลุ่มพลังงาน -3.7% ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลง เป็นผลให้หุ้น PTT -5.9%, PTTEP -3.9% อย่างไรตาม หุ้นกลุ่มหลักอื่นๆ ยังทรงตัวได้ เช่น ธนาคาร +0.1%, รับเหมาก่อสร้าง +0.9% และ ICT -0.5% แต่การลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงานฉุดให้ SET INDEX ปิดลบ 15.99 จุด หรือ -1.1% ที่ 1,559.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.5 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,543 ล้านบาท และ Short สุทธิ SET50 Index Future เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน8,009 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ในรอบ 4 วันทำการ 886 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•กลุ่มพลังงานยังเป็นปัจจัยหลักให้ SET INDEX มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบ WTI มีแนวรับสำคัญบริเวณ US$60.00/barrel
•โอเปคปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในปี 2558 ลงเหลือ 28.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากคาดการณ์เดิมที่ 29.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับกำลังผลิตน้ำมันของโอเปคที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน
•ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดย MSCI Asia ex Japan ลดลง -0.3% แต่ตลาดหุ้นจีนรีบาวน์ +3.6% หลังปรับตัวแรง -5.4% ในวันก่อนหน้า
•ครม.อนุมัติ 4 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ 1. นาโนไฟแนนซ์ 2.ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SME 3.ปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรขาเข้าวัตถุดิบ 1,274 รายการ และ 4.ออกพันธบัตรออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง 1 แสนล้านบาท
•ติดตามการประชุมนโยบายทางเศรษฐกิจของจีนในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่คาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปี 2558 ว่าจะสูงกว่าระดับ 7% หรือไม่
•ตลท.จะประกาศหุ้นเพิ่ม / ลดในการคำนวณดัชนี SET 50 ในวันที่ 15 / 16 ธ.ค. คาดหุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET 50 ได้แก่ CK, KTIS, HEMRAJ, SPALI และถูกถอดออก ได้แก่ BAY, KKP, GLOBAL, THCOM
มุมมองต่อตลาด
เรามีมุมมองการลงทุนเป็น “กลางถึงลบ” ต่อการลงทุนในวันนี้ และคาดว่าการฟื้นตัวของ SET INDEX จะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากหุ้นกลุ่มหลักคือกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมียังมีทิศทางอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวรับบริเวณ 1,550 จุด +/- จะยังทำงานได้ดี จากการประคองของหุ้นกลุ่มหลักอื่นๆ เช่น ธนาคาร, สื่อสาร, รับเหมาก่อสร้าง และสายการบิน และติดตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงใกล้แนวรับบริเวณ US$60.00/barrel จึงอาจเห็นการดีดกลับและเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในช่วงบ่ายได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน
คงคำแนะนำ “เลือกซื้อรายตัว” หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / รับเหมาก่อสร้าง / สายการบิน และหุ้นเงินปันผลสูง เช่น กลุ่มสื่อสาร ที่คาดว่าจะปรับตัว Outperform ตลาดได้จากเม็ดเงิน LTF ที่ไหลเข้าสู่ตลาดในเดือน ธ.ค.
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Accumulate : TRUEIF
Speculative Buy : CK
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.TRUEIF : ราคาปิด 10.70 บาท ราคาเหมาะสม 13.80 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง จะเป็นที่พักเงินได้ในระยะสั้น และมีความเสี่ยงจำกัดจากความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ
b)คาดการณ์เงินปันผล 4Q57 หุ้นละ 0.22 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.1%
c)ให้ TRUEIF เป็น Top pick สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปเงินปันผล เนื่องจากให้ Dividend Yield สูงถึงปีละ 8% และไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.CK : ราคาปิด 26.00 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a)ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ เนื่องจากคาดว่าจะเป็น 1 ใน 4 หุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET50 ที่จะประกาศในวันที่ 15 หรือ 16 ธ.ค. นี้
b)คงมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 2558 จากงานประมูลจำนวนมาก ภายใต้แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ เช่น โครงการรถไฟฟ้า, โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ และเป็นปัจจัยต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
c)แม้ CK จะไม่ได้งานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือในการเปิดซองประมูลในวันอังคารที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยลบอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมี Backlog สูงถึง 1.03 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ถึง 3-4 ปีข้างหน้า
d)คาดผลประกอบการ 4Q57 เติบโตสูง จากการรับรู้กำไรพิเศษขายหุ้น CKP จำนวน 21 ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรก่อนภาษีราว 228 ล้านบาทจากรายการดังกล่าว
a)Valuation ยังถูกกว่า STEC โดย CK ซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 2.3 เท่า ต่ำกว่า STEC ที่ 4.3 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิ US$449 ล้าน จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 14.7 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -352.3 -102.2 13,663.3 9,188.0
KOSPI -99.1 94.4 8,310.8 4,875.1
JSE -3.9 -31.6 4,262.1 -1,806.4
PSE 6.3 CLOSED 1,245.8 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -3.7 -0.4 122.0 263.2
SET INDEX CLOSED -107.9 -282.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทย และ Short สุทธิ SET 50 Index Future เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -3,543 +1,786
SET50 Index Futures (สัญญา) -8,009 -5,124
SSF (สัญญา) +673 -2,947
Metal Futures (สัญญา) +447 +914
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -886 +1,105
นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 3,543 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 1,786 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD มีสถานะขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 10,805 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันอีก 8,009 สัญญา รวม 6 วันทำการ Short สุทธิ 35,353 สัญญา
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 447 สัญญา รวม 5 วันทำการ Longสุทธิ 2,805 สัญญา
ขณะที่นักลงทุนกลุ่มนี้สุทธิตลาดตราสารหนี้ในรอบ 4 วัน 886 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 1,105 ล้านบาท
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 641 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 573 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 112.99 3.75% 12.65
PTT 97.53 2.03% 350.71
KBANK 51.74 3.36% 243.63
RS 39.47 2.7% 17.29
CK 33.74 2.04% 25.76
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิในรอบ 29 วัน และยังสะสมกลุ่ม ICT ต่อ
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 29 วัน 265 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 926.62 ล้านบาท และรวม 28 วันทำการ NVDR ซื้อสุทธิ 37,443 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มรับเหมาก่อสร้างซื้อสุทธิสูงสุด 219 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 197 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร 169 ล้านบาท
2.กลุ่มสุทธิกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 403 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มค้าปลีก 259 ล้านบาท และขนส่ง 239 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 327.16 19.03 SCC -407.35 35.32
CK 227.38 8.59 CPALL -197.08 16.21
BBL 177.47 39.97 AOT -195.87 16.89
TOP 167.79 35.24 ADVANC -195.28 11.07
DTAC 103.29 35.49 STAC -105.27 10.06
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong