- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 December 2014 16:51
- Hits: 1685
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Break 1,600?
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันพฤหัสที่ผ่านมาแกว่งตัวกรอบแคบตลอดชั่วโมงการซื้อขาย แต่เร่งตัวขึ้นในช่วงท้ายจากแรงเก็งกำไรผลการประชุม ECB ปิดในแดนบวก เพิ่มขึ้น 3.18 จุด ที่ 1,597.76 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,495 ล้านบาท หุ้นซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ADVANC, TRUE, RS, DEMCO และ KBANK
เงินทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,237 ล้านบาท และ Short สุทธิใน SET50 Index Future เป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีก 1,854 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เล็กน้อย 590 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• ECB คงดอกเบี้ยที่ 0.05% แต่ยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงต้นปี 2558
• อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นจีน +1.3% ทำระดับสูงสุดรอบ 3 ปี และญี่ปุ่น +0.2% หลังค่าเงินเยน / USD ที่ 120.1 เยน / USD ทำระดับต่ำสุดรอบ 7 ปี
• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน พ.ย.เพิ่มขึ้น 3.21 แสนราย เพิ่มขึ้นอัตราเร็วที่สุดตั้งแต่ ม.ค.2555 และมากกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 2.3 แสนราย ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวที่ 5.8%
• คาดหุ้นกลุ่มสื่อสารตอบรับเชิงบวกในสัปดาห์นี้หลังนายกฯ ให้ความเห็นว่าการประมูล 4G จะเกิดขึ้นในปี 2558 รวมทั้งการนำ พ.ร.บ. เศรษฐกิจดิจิตอลเข้าเสนอ ครม.ในวันอังคารนี้ และหุ้นกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
• คาดมูลค่าการซื้อขายเบาบางลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดคาบเกี่ยวของตลาดหุ้นไทย
• ติดตามตัวเลขส่งออกจีน เดือน พ.ย. โดย Consensus คาดส่งออก +8.2% yoy และ นำเข้า +3.9% yoy
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 10 และคาดว่า SET INDEX มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,600 จุดในวันนี้ จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และพ.ร.บ.เศรษฐกิจดิจิตอลในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเบาบางลงเนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุด และติดตามตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.ของจีนเช้านี้ ซึ่งหากออกใกล้เคียงหรือดีกว่าคาด เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ SET INDEX มีโอกาสปิดเหนือระดับ 1,600 จุดได้
กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ “เลือกซื้อรายตัว” หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มเงินปันผลสูง เช่น กลุ่มสื่อสาร ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดจากเม็ดเงิน LTF ที่ไหลเข้าสู่ตลาดในเดือน ธ.ค.
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1. TPIPL : ราคาปิด 1.93 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกหลังโรงไฟฟ้า 18 MW เริ่มขายไฟแล้วตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะเริ่มขายไฟใน 2H57 ขณะที่โรงไฟฟ้าอีก 55 MW จะเริ่มขายไฟใน 2H57 ตามกำหนดการเดิม
b) MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มปูนซีเมนต์ในปี 2558 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงต่อราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เพราะต้นทุนพลังงาน & ขนส่ง คิดเป็นต้นทุนราว 10-15% ดังนั้น การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบจะส่งผลให้อัตรากำไร (GPM) ปรับตัวขึ้น
c) และคาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์จะขยายตัวในปี 2558 จากการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ และภาคเอกชน
d) คาดกำไรปกติปี 2558 เติบโต +98.9% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และต่อเนื่อง +79% yoy เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559 และมี Upside Risk ต่อประมาณการกำไร หลังโรงไฟฟ้า 18 MW เริ่มขายไฟเร็วกว่าคาดการณ์
e) Valuation ยังถูก โดยซื้อขายใกล้เคียงกับ Adjusted BV ที่ 1.93 บาทหุ้น เทียบกับ SCC และ SCCC ที่ซื้อขาย P/BV 2558 ที่ 2.8 และ 4.3 เท่าตามลำดับ และฐานะการเงินแข็งแกร่งโดยมี Net DE เพียง 0.4 เท่า
2. INTUCH : ราคาปิด 76.50 บาท ราคาเหมาะสม 114.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสื่อสารจะตอบรับเชิงบวก หลังนายกฯเปิดเผยว่าจะสามารถเริ่มเปิดประมูลโครงข่ายระบบ 4G ได้ในปี 2558 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ADVANC ที่สัญญาสัมปทานบนคลื่น 900MHz จะหมดอายุลงในปี 2558
b) ราคาหุ้น INTUCH ยัง Laggard เมื่อเทียบกับ ADVANC โดย YTD หุ้น INTUCH +12.9% น้อยกว่า ADVANC ที่ +24.3%
c) และมี Discount จาก NAV สูงถึง 22.2% เมื่อเทียบกับ NAV จากการถือหุ้นใน ADVANC และ THCOM ที่หุ้นละ 98.26 บาท
d) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีปีละ 6.9% ในปี 2558 และเพิ่มขึ้นเป็น 7.8% ในปี 2559