WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ “SET ใส่เสื้อเหลืองเป็นวันที่ 2”
  SET ปิดทรงตัวจากวันก่อน แม้ว่าจะได้รับผลดีจากท่าทีของ FED ที่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมัน ส่งผลให้เกิด Fund Flow ไหลเข้า แต่ด้วยภาพรวมตลาดที่ขาดปัจจัยที่โดดเด่นพอ ส่งผลให้ SET ไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากนัด โดยดัชนี SET ปิดที่ 1,594.58 จุด (+0.58 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 4.6 หมื่นล้านบาท

ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
   (+) รายงาน FED’S Beige Boook กล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตแข็งแรง โดยมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
  (+) ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ลดความเสี่ยงของการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อ สร้างสัญญาณบวกต่อการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลาง
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศเรียงหน้ากันทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติการณ์ จากประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมุมมองบวกต่อเม็ดเงินในระบบ
   (+) Fund Flow ต่างชาติ Net Buy มูลค่า 1.3 พันล้านบาท มี Net Buy ต่อเนื่อง 2 วัน รวม 1.9 พันล้านบาท
   (+) วานนี้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ผลจากสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล
ผิดจากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 6 แสนบาร์เรล
  (-) รัสเซียคาดว่า GDP ปี 58 จะหดตัว 0.8% ผลจากการคว่ำบาตรจากประเทศกลุ่มตะวันตกและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
  (-) ประเด็น นาย นพพร ศุภพิพัฒน์ ยังรบกวนจิตวิทยาการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงถึงหุ้นธนาคารที่ปล่อยกู้บริษัท WEH
  (-) กกร. ประเมิน GDP ไทยปีหน้าขยายตัว 3.5-4% ลดลงจากประมาณการครั้งเพราะคาดว่าเม็ดเงินลงทุนภาครัฐจะยังมีไม่มากในปีหน้า พร้อมความเสี่ยงจากการปรับขึ้น VAT

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
  * การประชุม ECB ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม คาดหมายความชัดเจนแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการปรับประมาณการเศรษฐกิจ
  * การประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของไทย

กลยุทธ์การลงทุน “เน้น Theme หลัก”
  คาดหมายการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีในวันนี้ โดยเรามองโมเมนตัมบวกจากตลาดต่างประเทศจะหนุนให้ดัชนีไทยขึ้นทดสอบ 1,600 จุดอีกครั้ง เรามองเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มไหลเข้ามาหาตลาดไทยที่ laggard หลังจากตลาดหุ้นต่างประเทศทำ New High จนเบื่อกันไปแล้ว ซึ่งเรามองว่าเป็นเม็ดเงินร้อนที่เข้ามาเก็งกำไรในประเด็นการประชุม ECB ที่จะมีในวันนี้ สำหรับภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีหน้า เรายังรอการลงทุนจากภาครัฐ ทั้งจาก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน และ Digital Economy ประเมินหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายจะเป็น Theme การลงทุนหลักในช่วงปลายปี

หุ้นเด่นประเด็นร้อน
AOT เก็งกำไร
  * จ่ายปันผลที่ 3.40 บาทต่อหุ้น XD วันที่ 16 ธ.ค. เก็งกำไรประเด็นพันธมิตรใหม่ต่อยอดธุรกิจ
  * ได้รับผลดีจากการอยู่ในช่วง High Season ของการท่องเที่ยว
  * รมว.คมนาคม อยู่ระหว่างการพิจารณาตั้ง'กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน' โดยจะหารือในวันที่ 9 ธันวาคม เปิดโอกาสการตั้งกองทุน โครงสร้างพื้นฐานทางอากาศ ในการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2

SAMART ซื้อเก็งกำไร
  * คาดกำไร 4Q57 ทำจุดสูงสุดปี หนุนจากกำไรบริษัทลูกเด่นและมีรายได้ขาย Set top box รวมกำไรปี 57 ของ SAMART อยู่ที่ 1,732 ลบ. (EPS 1.73 บาท) โต 21%YoY และมีอัตราปันผล 3% ต่อปี
* ได้รับผลดีจากนโยบาย Digital Economy ของภาครัฐ ตั้งบริษัทลูกลุยธรกิจโรงไฟฟ้าขยะ,โรงไฟฟ้าถ่านกัมพูชา
สายวิเคราะห์ฯ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!