- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 December 2014 17:24
- Hits: 1847
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +33.07, NASDAQ +18.66, S&P +7.78, CAC +3.56 และ DAX +37.71 ยกเว้น FTSE -25.47 โดย DJIA และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัว ตค. - พย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส (1) ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชน – พย. เพิ่มขึ้น 208,000 ตำแหน่ง และ (2) ดัชนีภาคบริการ – พย. อยู่ที่ 59.3 เพิ่มจาก 57.1 เมื่อตค. และมากกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 57.6 ขณะที่อยู่ระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ ซึ่งคาดว่า ECB จะตัดสินใจซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
…..ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบบ้างจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน - พย. อยู่ที่ 51.1 ลดลงจาก 52.1 เมื่อตค.
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ราคาส่งมอบเดือน มค. +US$0.50 อยู่ที่ US$67.38 ต่อบาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบล่าสุด ลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 379.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาร์เรล ทำให้มีมุมมองที่เป็นบวกว่าอุปสงค์พลังงานในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
....ทางด้านราคาทองคำ ราคาส่งมอบเดือน กพ. +US$9.3 อยู่ที่ US$1,208.7 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการเข้าเก็งกำไรหลังราคาทองคำลดลงไปในช่วงก่อนหน้านี้
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,364 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -6,959 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก หลังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด และมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงประเด็นที่ธนาคารกลางยุโรป (4/12/57) อาจจะมีการพิจารณาออกมามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังต่ำกว่าเป้าหมาย
....ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อสุทธิของต่างชาติ แต่คาดหลังจากนี้ไปภาพรวม Fund Flow มีความผันผวน และคาดอาจชะลอตัวบ้าง จากการเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเดือนธค. อย่างไรก็ตามคาดได้รับการชดเชยบ้างจากสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) และแนะติดตาม(1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม? ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำเข้า ครม. ในวันที่ 9/12/57 คาดเป็นปัจจัยหนุนตลาดหลังจากนี้ไป (2) การประชุม กนง. ในวันที่ 17/12/57 ที่มีการคาดหมายบ้างว่าอาจมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
(3) มาตรการป้องกันการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก ที่คาดมีความชัดเจนต้นปี’58
.....ขณะที่ยังแนะให้ติดตามแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – 65 ซึ่ง ครม. อนุมัติเมื่อ 21/10/57 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว โดยล่าสุด (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีน ด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59
....นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 2.29% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.38 อยู่ที่ 12.47
หุ้นแนะนำ : KBANK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (4 – 5 ธค.’57)
4/12/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
5/12/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - พย. (2) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ - ตค. (3)ยอดสั่งซื้อของโรงงาน - ตค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788