- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 December 2014 17:18
- Hits: 1737
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังผันผวนดังนั้นเทรดดิ้งสั้นน่าแบ่งทำกำไรช่วงบวก ส่วนลงทุนถือ!
กลยุทธ์ : คาดว่า SET ยังมีสิทธิที่จะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องอีกสักพัก แต่กรอบการปรับตัวลงน่าจะยังไม่ลึก และมีแนวโน้มที่จะกลับไปแกว่งบวกต่อได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นทยอยซื้อในช่วงลบไปแล้ว เราแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนได้ แต่เนื่องจากโอกาสแกว่งตัวผันผวนยังเป็นไปได้ ถ้าเทรดดิ้งสั้นตามรอบจึงน่าจะแบ่งส่วนทำกำไรช่วงบวกบ้าง เพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MCS, BRR , GLOW(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังแกว่งตัวผันผวน หลังจากช่วงต้นชั่วโมงเปิดกระโดดขึ้นไปแถวจุดสูงสุดเดิมที่ 1600 จุดอีกครั้ง แต่ก็ยังมีแรงขายทำกำไรกดดันให้ย้อนลงมาแกว่งตัวบวก-ลบแคบๆ เกือบตลอดทั้งวัน แต่ก็ถือว่ายังมีลักษณะแกว่งทรงตัวได้ดี ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงสดใส โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกขึ้นมาพอควรด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะกลับไปแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีกครั้งในช่วงถัดไป อย่างไรก็ตามวันนี้ยังต้องรอตามดูผลประชุม ECB อีกครั้ง ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมาตามที่ตลาดคาดหวังไว้หรือไม่ ซึ่งอาจจะยังทำให้ SET มีจังหวะแกว่งตัวผันผวนอยู่บ้าง ซึ่ง FSS คาดว่าเม็ดเงินใหม่จาก LTF, RMF ช่วงท้ายปีน่าจะยังมีเข้ามาช่วยหนุนให้ตลาดแกว่งลงในกรอบจำกัด และพลิกกลับไปเป็นบวกได้ในที่สุด ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อเพื่อเน้นถือต่อเนื่อง แต่เนื่องจาก SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวน จึงยังรอเลือกหุ้นซื้อในช่วงตลาดอ่อนตัวได้
แนวรับ 1592-1589 , 1586-1582 จุด แนวต้าน 1598-1602 , 1605-1610 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$54.1 ล้าน และไทย US$41.5 ล้านบาท แต่ขายอินโดนีเซีย US$24.4 ล้าน ไต้หวัน US$23.4 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$2.1 ล้าน และเวียดนาม US$1.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็นน้อย Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) เอกชนสหรัฐฯจ้างงานเพิ่ม 2.08 แสนตำแหน่งในเดือน พ.ย. ทำให้การจ้างงานเฉลี่ยงวด 11 เดือนแรกเป็น 2.05 แสนตำแหน่ง/เดือน การจ้างงานภาคเอกชนที่เกิน 2 แสนตำแหน่งต่อเดือนเทียบเท่ากับระดับปกติก่อนซับไพร์ม คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. ที่จะเปิดเผยศุกร์นี้จะออกมาดีเช่นกัน ตลาดคาด 2.3 แสนตำแหน่ง ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เราคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าในระยะยาว สวนทางกับค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าโดยเฉพาะหาก ECB ไม่มีมาตรการใหม่ในการประชุมวันนี้ ส่วนค่าเงินบาทแม้จะอ่อนค่าแต่ก็น้อยกว่าเพื่อนบ้าน(+) KBANK เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2014-15 ขึ้น 5% และ 1.5% ตามลำดับ สะท้อนการบริหารส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าคาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเติบโตเกินคาดจากการขยายตัวของสินเชื่อและธุรกิจประกันผ่านธนาคาร ในด้านคุณภาพสินเชื่อ ยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีความเสี่ยงด้านการปล่อยสินเชื่อเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ เราคาดสินเชื่อปี 2015 โต 9% (ปีนี้คาดโต 8%) คาด NIM 3.7% ทรงตัวใกล้เคียงปีนี้ที่ 3.75% และ Cost to income ลดลงเป็น 43% จากปีนี้ที่ 44% หลังปรับประมาณการทำให้กำไรปี 2014-15 โต 12% และ 10% ตามลำดับ สูงเป็นลำดับต้นๆในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ เราปรับราคาเป้าหมายปี 2015 ขึ้นเป็น 271 บาทจาก 261 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(0) กรณีธนาคารที่ปล่อยกู้ Wind Energy Holding ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเวสต์ห้วยบง 2 และเวสต์ห้วยบง 3 มูลค่าเงินลงทุน 1.27 หมื่นล้านบาท แหล่งข่าวระบุว่าเป็น SCB และ KBANK ระยะสั้นธนาคารอาจจัดชั้นหนี้เชิงคุณภาพ (ยังไม่เป็น NPL แต่มีความเสี่ยง) ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งสำรองหนี้สูญในอัตรา 20-30% ของมูลหนี้ หรือ 1.8-2.7 พันล้านบาท คิดเป็น 4% ของกำไรทั้งปีของทั้ง KBANK และ SCB ขณะที่ KBANK มีเงินสำรองหนี้สูญสะสม 5 หมื่นล้านบาท SCB มีสำรอง 6 หมื่นล้านบาท แข็งแกร่งอย่างมาก เรายังคงราคาเป้าหมาย KBANK 271 บาทและ SCB 228 บาท
(-) มุมมองกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ปี 2015 เราปรับลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มนี้ลงเป็น Underweight จากเดิม Overweight เพราะอัตราการเติบโตของกำไรปกติของกลุ่มที่คาดว่าจะชะลอเหลือ 10% จากปี 2013-14 (หลังน้ำท่วม) ที่โตสูงถึง 35% และ 32% ตามมูลค่าตลาดเซมิคอนดักเตอร์ สมาร์ทโฟนและ Tablet ที่เริ่มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากกว่า 40% ต่อปีในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาเหลือ 4-6% อย่างไรก็ตาม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ในกลุ่ม Auto จะเป็นพระเอกในปีหน้า จากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเป็นรถที่ทำงานด้วยระบบดิจิตอลมากขึ้น ส่วนกลุ่ม Computer จะกลับมาฟื้นชั่วคราวเพราะเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนอุปกรณ์ทดแทนเครื่องเก่าของหลายองค์กรในสหรัฐและยุโรป เรายังชอบ KCE (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 48 บาท) ที่สุดในกลุ่ม แม้ราคาหุ้นในปีนี้จะ outperform เกือบที่สุดในกลุ่มแต่ยังมี PE ปี 2015 เพียง 11.3 เท่าและเป็นหุ้นตัวเดียวที่ราคายังมี upside
ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง โดยปิดเพิ่มขึ้นอีก 33.07 จุด หลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัว
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ก็ปิดเป็นบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ECB อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมวันนี้ (4 ธ.ค.) รวมทั้งการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาดด้วย
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดบวกขึ้นได้ดีเช่นกัน
ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวผันผวนในกรอบจำกัด แต่ยังมีทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อย โดยแกว่งตัวระหว่าง 32.8-32.9 บาท/ดอลลาร์
น้ำมันดิบในตลาด NYMEX กลับมาบวกขึ้น 0.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ลดลง สวนทางกันที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น
ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ขยับบวก 9.3 ดอลลาร์ มาปิดที่ 1208.7 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากช่วงก่อนหน้านี้ราคาร่วงลงแรง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
4 ธ.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
- เกาหลีใต้: 3Q14 GDP
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
5 ธ.ค. - ไทย: วันหยุดราชการและตลท. วันพ่อแห่งชาติ
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราว่างงาน (พ.ย.)
8 ธ.ค. - จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: 3Q14 GDP
10 ธ.ค. - ไทย: วันหยุดราชการและตลท. วันรัฐธรรมนูญ
- จีน: ยอดสินเชื่อเดือน พ.ย.
11 ธ.ค. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลางประชุม
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (พ.ย.)
12 ธ.ค. - จีน: ยอดค้าปลีก, การลงทุน (พ.ย.)
15 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: 4Q14 Tankan Index
- สหรัฐ: Industrial Production (พ.ย.), NAHB Housing Market Index (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852