- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 December 2014 18:36
- Hits: 2675
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีปิดทรงตัวอีกครั้ง (ปิด 1594 จุด) โดยการรีบาวด์ของกลุ่มพลังงานถูกชดเชยไปด้วยแรงขายหุ้นกลุ่มแบงค์ที่เพิ่งมีแรงซื้อไปเมื่อวันก่อนหน้า บ่งชี้ว่าราคาหุ้นผันผวนมากขึ้นและนักลงทุนหวัง Gap กำไรน้อยลงในช่วงดัชนีใกล้ 1600 จุด การเลือกซื้อหุ้นรายตัวยังคงมีอยู่ เราเริ่มเห็นการเริ่มทยอยซื้อหุ้นที่ดินขนาดใหญ่ เช่น AP, PS, LPN, QH แต่ยังถึงกับแข็งแกร่งนัก นักลงทุนต่างชาติ & สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ ส่วนอีกสองกลุ่มเป็นขายสุทธิ ในระยะสั้นมากตลาดยังคงแกว่งตัว แต่คาดว่าจะไม่ลดลงแรงเนื่องจากมีแรงซื้อจากกองทุน LTF เข้ามาช่วยหนุน ซึ่งจากการศึกษาของ Quant Team DBSV Thailand พบว่าแรงซื้อสุทธิของ LTF ในเดือนธ.ค.จะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท (ศึกษาช่วงม.ค.48-ส.ค.57)
และคาดว่าธ.ค.ปีนี้ก็ยังมีมูลค่าซื้อสุทธิต่อเดือนสูงที่สุดต่ออีก ส่วนกลุ่มหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนดีกว่าตลาดในเดือนธ.ค.จะเป็นพวก Large Cap (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน) ด้านตัวเลข PMI ภาคบริการของจีน พบว่ากระเตื้องขึ้นเล็กน้อยและยังอยู่เหนือ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว (พ.ย.อยู่ที่ 53.9) จับตาผลประชุม ECB วันที่ 4 ธ.ค.นี้ว่า ECB ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มคาดไว้หรือไม่ รวมถึงติดตามตัวเลขจ้างานนอกภาคเกษตรพ.ย.ของสหรัฐที่จะออกมาในวันศุกร์ด้วย โดยรวมปัจจัยที่ยังช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ คือ แรงซื้อของ LTF และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของประเทศชั้นนำต่างๆ กลยุทธ์ : Selective Buy โดยหุ้น Top Picks พื้นฐานเดือนธ.ค.57 เป็น KCE, KTB, MINT, PS, WHA ส่วน Dark Horseได้แก่ CHG, SPALI สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น LPN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นลบแต่ไม่มากเพราะดัชนีเมื่อวานนี้สามารถปิดเหนือ SMA 10 วันได้ การซื้อใหม่เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก การยืนเหนือ 1585 ได้จึงจะมีลุ้นแนวต้าน 1600-1610 จุดหรือสูงกว่า การอ่อนตัวต่ำกว่า 1585 จุดดูไม่ค่อยดี โดยมีสิทธิลงไปที่ 1570,1560-1550 จุดอีกรอบ สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ RATCH, BECL, TICON, BWG ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ AEONTS, M, BEAUTY, LPN ส่วนหุ้นที่หลุด List เป็น GENCO สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาขึ้นมาในพื้นที่ขายทำกำไร คือMFEC, BIGC
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างต.ค. +1.1%MoM มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.57 สู่ระดับ 9.71 แสนล้านดอลลาร์ ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ที่จะออกมาในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ด้วย
+ สหรัฐ : เฟดมองราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำจะช่วยพยุงรายได้ที่แท้จริงให้สูงขึ้น ผู้บริโภคมีกำลังซื้อแท้จริงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นบวกกับสหรัฐที่มีสัดส่วนการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสูงถึง 70% ของ GDP
• ยูโรโซน : จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 4ธ.ค.นี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า ECB จะตัดสินใจประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม แต่มีบางกลุ่มมองว่าน่าจะเป็นช่วง 1Q58 มากกว่า
+ จีน : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย.ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 53.9จาก 53.8 ในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคบริการฟื้นตัวดีขึ้นบ้าง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น โดย DJIA ปิด +102.75 จุด ดัชนี NASDAQ
+28.46 จุด ดัชนี S&P500 +13.11 จุด ปัจจัยหนุน คือ การคาดการณ์ว่าทางการประเทศต่างๆ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัว ความวิตกอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงกดดัน โดย WTI ส่งมอบม.ค.ร่วงลง 2.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.88ดอลลาร์/บาร์เรล BRENT ลดลง 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำ COMEX ดิ่งลงแรง 18.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,199.4ดอลลาร์/ออนซ์ ราคาทองผันผวนมากในช่วงนี้ โดยปัจจัยที่มีน้ำหนักคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ทิศทางเศรษฐกิจประเทศชั้นนำ & การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
• ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ลดลงต่อ 18 จุดปิดที่ 1119 จุด นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เนื่องจากปริมาณการค้าโลก & ความต้องการใช้เรือเทกองฟื้นตัวช้าเช่นเดียวกับเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• กบง.เร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานในประเทศ โดยใช้ช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงแรง โดยจะปล่อยราคา LPG ลอยตัว และปรับขึ้นราคา NGV อีก 1 บาท/กก. รวมทั้งลดราคาเบนซิน 50 สตางค์/ลิตร และลดราคาดีเซล 40 สตางค์/ลิตร
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : การปรับขึ้นราคา NGV 1บาท/กก.จะทำให้ผลขาดทุนของ PTT ลดลงได้ราว 4 พันล้านบาทในปี 58นอกจากนั้นกำไรยังมี Potential Upside จากการขายหุ้น BCP (ผู้บริหารคาดว่าจะสรุปการขายได้ภายในธ.ค.57), SPRC (คาดว่าจะสรุปการขายได้ใน 1H58), และการนำ GPSC เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เมื่อประมวลภาพของกลุ่มโรงกลั่นและพลังงานแล้ว เราให้ PTT เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากยังมีปัจจัยที่เป็น Catalysts ดังกล่าวข้างต้นเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการบรรทัดสุดท้าย (Bottom Line) ของปี 58
+ December Effect : เดือนธ.ค.ยอดซื้อสุทธิ LTF เฉลี่ยอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ทาง Quant Team ของ DBSV Thailand ได้ทำการศึกษา NetLTF Flow เฉลี่ยรายเดือนตั้งแต่ปี ม.ค.48-ส.ค.57 พบว่าเม็ดเงินซื้อกองทุนLTF สุทธิของเดือนธ.ค.จะสูงที่สุดที่ 1.0 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็นเดือนพ.ย.ที่ 2.8 พันล้านบาท เดือนที่มีการขายสุทธิเป็น 5 เดือนแรกของปี ส่วนของรายเดือนเฉพาะปี 57 พบว่าเป็นยอดขายสุทธิมาตลอด 9M57 แต่เชื่อว่าจะเป็นยอดซื้อสุทธิ LTF เป็นจำนวนมากในเดือนธ.ค.57 เหมือนทุกปี
+อัตราผลตอบแทนการลงทุนธ.ค.เป็นบวก...นำโดยหุ้น Large Capอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยของเดือนธ.ค.57 อยู่ที่ 3.2% ต่อเดือนเมื่อพิจารณาในช่วงม.ค.44-ต.ค.57 และช่วงปี 34-43 ทั้งนี้หุ้นที่ปรับขึ้นมากกว่าตลาดจะเป็นพวก Large Cap (+3.9% เทียบกับตลาดที่ 3.6%)ส่วนหุ้น Mid – Small Cap ปรับขึ้น 3.2% และ 2.6% ตามลำดับ
• January Effect : สำหรับเดือนม.ค.ภาพตลาดค่อนข้าง Mixed ทั้งในตลาดหุ้นไทยและ MSCI Asia ex Japan และจากการดูสถิติย้อนหลัง 10 ปีของเราพบว่าจำนวนครั้งที่หุ้นลงในเดือนม.ค.เท่ากับ 6 ครั้ง และขึ้น 4 ครั้งอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอ่อนลงเล็กน้อยที่ -0.53%
+ ITD จะลงนามสัญญาพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมทวายเฟสแรกกับรัฐบาลพม่าประมาณปลายเดือนธ.ค.57 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขอพื้นที่เพิ่มเติมอีก 7 ตร.กม.หรือประมาณ 4,400 ไร่ จากที่ได้รับการเห็นชอบแล้ว 27 ตร.กม.หรือประมาณ 13,000 ไร่ หากผลเจรจาเสร็จสิ้นบริษัทจะเข้าพัฒนาพื้นที่ทั้งหมด 34 ตร.กม.หรือประมาณ 17,400 ไร่ โดยจะได้รับสิทธิสัญญาสัมปทาน 75 ปี (50 ปี+ต่ออายุ 25 ปี) ใช้เวลาพัฒนาโครงการ 8 ปี ทั้งนี้ ITD ร่วมกับ ROJNA ฝ่ายละ 50% ก่อสร้างถนน 2 เลนที่เริ่มจากชายแดนของไทยไปถึงโครงการซึ่งมีระยะทาง 136 กม. และผลิตน้ำที่ใช้ในนิคมอุตสาหกรรมทวาย ส่วนการผลิตไฟฟ้า ITD ร่วมมือกับ EGCOสำหรับอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาอยู่ในนิคมฯทวายจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมที่เน้นส่งออกและใช้แรงงานสูง ได้แก่ ธุรกิจสิ่งทอ เครื่องหนังและรองเท้า ผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เรามีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นกับ ITD โดยโครงการลงทุนนิคมฯทวายจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในระยาวกับบริษัท ขณะที่งานก่อสร้างขนาดใหญ่ในประเทศยังมีอีกมาก โดยเฉพาะงานโครงสร้างขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลไทยจะต้องเร่งทำไปในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ทำให้ความมั่นคงเรื่องงานค่อนข้างสูง แนะนำซื้อเก็งกำไร ITDสำหรับความเสี่ยงหลัก คือ ภาระหนี้สินที่สูง และการตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุนในบางโครงการที่มีความล่าช้ามากๆ
+ ก.ล.ต.จับมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณามาตรการคุมบจ.เพิ่มทุน PP ราคาต่ำ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่มีการเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) ในราคาต่ำกว่าราคาตลาดมาก โดยอ้างว่าเป็นการเพิ่มทุนให้พันธมิตรธุรกิจ ซึ่งบางรายการก็ทำให้รายย่อยเสียเปรียบ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]