- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 December 2014 17:38
- Hits: 2168
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +102.75, NASDAQ +28.46, S&P +13.11, FTSE +85.73 และ CAC +10.97 ยกเว้น DAX -29.43 ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ - ตค. เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งมากสุดนับแต่พค. ที่ผ่านมา สู่ระดับ 9.71 แสนล้านUSD โดยปรับขึ้นทั้งในโครงการก่อสร้างภาครัฐและเอกชน และทำให้มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากความคาดหมายว่าธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 4/12/57 นี้ และมีการคาดการณ์ว่า ECB จะตัดสินใจซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ราคาส่งมอบเดือน มค. -US$2.12 อยู่ที่ US$66.88 ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ตัดสินใจไม่ปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
....ทางด้านราคาทองคำ ราคาส่งมอบเดือน กพ. -US$18.7 อยู่ที่ US$1,199.4 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์นี้ (5/12/57)
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +555 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -8,323 ล้านบาท
(สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ที่ได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ และความคาดหมายว่าธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงประเด็นที่ธนาคารธนาคารกลางยุโรป (4/12/57) อาจจะมีการพิจารณาออกมามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจยังต่ำกว่าเป้าหมาย
....ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิของต่างชาติ แต่ตามคาดหลังจากนี้ไปภาพรวม Fund Flow มีความผันผวน และคาดอาจชะลอตัวบ้าง จากการเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเดือนธค. อย่างไรก็ตามคาดได้รับการชดเชยบ้างจากสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) และแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม? ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำเข้า ครม. ในวันที่ 9/12/57 คาดเป็นปัจจัยหนุนตลาดหลังจากนี้ไป
.....รวมถึงความชัดเจนเกี่ยวกับแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – 65 ซึ่ง ครม. อนุมัติเมื่อ 21/10/57 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว โดยล่าสุด (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีน ด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59
....นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.07 อยู่ที่ 2.29% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.44 อยู่ที่ 12.85
หุ้นแนะนำ : STEC
ประเด็นที่ต้องติดตาม (3 – 5 ธค.’57)
3/12/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน - พย. (2) ประมาณการประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วย – 3Q/57 (3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย - พย. (4) ดัชนี PMI ภาคบริการ - พย. (5) สต็อกน้ำมัน
4/12/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
5/12/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - พย. (2) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ - ตค. (3)ยอดสั่งซื้อของโรงงาน - ตค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788