- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 28 November 2014 15:09
- Hits: 2018
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Break 1600
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้พยายามทดสอบ 1,600 จุด แต่ยังไม่ผ่าน ปิดที่ 1,599.82 จุด บวก 8.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,056 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติเป็นชะลอตัวตามคาด แม้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เพียง 211 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 อีก 355 สัญญา แต่กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 473 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐฯ และนักลงทุนต่างชาติน่าจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.ที่จะรายงานในวันนี้
บรรยากาศการลงทุนวันสุดท้ายของสัปดาห์ เรายังคงให้น้ำหนักเป็น “บวก” วันที่ 5 พร้อมให้โอกาสที่ SET INDEX จะปิดยืนเหนือ 1,600 จุดในวันนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ซึ่ง ธปท.รายงานในช่วง 14.00 น. ส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการบริโภคภายในประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เชื่อว่านักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศจะมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยใน 4Q57 และต่อเนื่องถึงปี 2558 มากยิ่งขึ้น หุ้นขนาดใหญ่ และ กลาง ในกลุ่มหลักจะเป็นเป้าหมายของการลงทุนจากนักลงทุนกลุ่มนี้
ด้านเงินทุนต่างชาติโดยรวมวันนี้ มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นการลงทุนวันสุดท้ายของสัปดาห์
ขณะที่การประชุมโอเปคคืนวานนี้ ตัดสินใจคงเพดานการผลิตเท่าเดิม กลายเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจในเอเชีย เพราะเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไป รวมถึงเป็นบวกต่อกลุ่มสายการบินที่ต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่จะได้ประโยชน์ในทางอ้อมเช่นกัน
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการประชุม ECB ในวันที่ 4 ธ.ค. ประธาน ECB อาจส่งสัญญาณพร้อมเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดคาดหวัง ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในปลายสัปดาห์หน้าจะแกว่งออกด้านข้าง เนื่องเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนเข้าเก็งกำไรในหุ้นหลักที่มีลักษณะ High Beta ขณะที่ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด หรือเติบโตเด่นใน 4Q57” เป็นทางเลือก
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: AAV
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,600 จุด
คาด SET INDEX เปิดทะลุแนว 1,600 จุด เร็วกว่าที่เคยประเมินไว้
แม้เงินทุนต่างชาติชะลอตัว ช่วงสั้น
ให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. วันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง เป็นบวกในภาพรวมเศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรหุ้น High Beta ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปรับตัวลงแรงสุด 1.24% หลัง GDP ใน 3Q57 ขยายตัวต่ำกว่าคาด
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX วานนี้ ไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,600 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ AOT เป็นสำคัญ แต่ก็เผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น อีกทั้งเป็นช่วงปลายสัปดาห์ที่ขาดปัจจัยบวกใหม่ ทำให้ SET INDEX ยังไม่ผ่านด่านสำคัญดังกล่าว ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,599.82 จุด บวกเล็กน้อย 8.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,056 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกสูงสุด ได้แก่ กลุ่ม Home +3.52%, กลุ่มเหล็ก +3.09% และกลุ่ม Professional +2.58% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.70%, กลุ่มอสังหาฯ +0.28% และกลุ่ม ICT +0.72%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.19 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเด่น หลังตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่เช้านี้ ส่วน Kospi เปิดลบเล็กน้อย
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ เราคงมุมมองเป็น “บวก” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 พร้อมให้โอกาสที่ SET INDEX วันนี้มีโอกาสปิดยืนเหนือ 1,600 จุด เร็วกว่าที่ประเมินไว้ในช่วง 2-3 วันทำการที่ผ่านมา หลังวานนี้ SET INDEX ปิดที่ 1,599.82 จุด โดยหุ้น Big Cap ในกลุ่มหลักขยับขึ้นและทรงตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
โมเมนตัมการลงทุนที่แข็งแกร่ง แม้ว่ากระแสเงินทุนต่างชาติในวันนี้จะชะลอตัวเป็นวันที่ 2 ก็ตาม เราประเมินเป้าหมายของ SET INDEX ในระลอกนี้ไว้ที่ 1,620 จุด +/- ผลักดันด้วยปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้
•ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. โดย ธปท. จะรายงานในวันนี้ หากสัญญาณการบริโภค และการท่องเที่ยว ฟื้นตัว ย่อมสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ หลังการส่งออกเดือนต.ค. ฟื้นตัวเป็นเดือนที่ 2 และดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้า
•การประชุม ECB ในวันที่ 4 ธ.ค. ตลาดคาดหวังที่ ECB จะเพิ่มพันธบัตรรัฐบาลประเทศสมาชิก เข้าไปในกลุ่มสินทรัพย์เป้าหมายของการเข้าซื้อ
•การเลือกตั้งทั่วไปในญี่ปุ่น วันที่ 14 ธ.ค. อาจเกิด Nikkei Rally และเป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย
•การประชุม กนง. วันที่ 17 ธ.ค. อาจส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน หากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่ กนง. ประเมิน
•การพิจารณาร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตอล และ มาตรการลดหย่อนภาษี
อีกทั้งสภาพคล่องทางการเงินทั้งในและต่างประเทศที่ล้น ทำให้ตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย Valuation ที่แพง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม TIPs อย่างฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย เนื่องจาก
•อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ ที่ทรงตัวในระดับต่ำเป็นเวลายาวนาน ทำให้นักลงทุนปรับแผนการออกมสู่สินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้นมากขึ้น เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า
•การทำ Carry Trade ผ่านเงินสกุล Euro และ เงินเยนญี่ปุ่น จากนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั้ง 2 ประเทศ เป็นทิศทางผ่อนคลาย
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนซื้อเก็งกำไรในหุ้น High Beta หรือ หุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่น” เป็นสำคัญ พร้อมคาดหวังผลตอบแทนราว 20-30 จุด ในรอบสั้นนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้:
1.ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของไทย ช่วงเวลา 14.00 น. ธปท. จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนต.ค. ซึ่งตัวเลขที่น่าสนใจและควรติดตามอย่างใกล้ชิดได้แก่
•ภาคการบริโภคภายในประเทศ ฟื้นตัว mom หรือไม่ หลังรัฐบาล เร่งออกมาตรการช่วยเหลือทั้งเกษตรกร และเรียกความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง
•จำนวนนักท่องเที่ยวเดือนต.ค. ฟื้นตัว mom หรือไม่ ถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจใน 4Q57 ของไทย
•การลงทุนภาคเอกชน เดือนต.ค. เริ่มฟื้นตัวได้หรือไม่
2.โอเปคตัดสินใจคงเพดานการผลิต: ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent – NYMEX ในเช้าวันนี้ปรับตัวลงแรง ผลที่มาในมุมมองของเรา
•อัตราเงินเฟ้อในเอเชียจะทรงตัวในระดับต่ำ เอื้อให้ธนาคารกลางของแต่ละประเทศสามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไป เพื่อช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจจีน
•นโยบายการปฎิรูปพลังงานของไทย – อินโดนีเซีย – อินเดีย ที่ต้องการลดการอุดหนุนราคาพลังงานภายในประเทศ จะดำเนินการได้ง่ายมากขึ้น และเร็วขึ้น ทำให้รัฐบาลมีเงินงบประมาณการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพื่อนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
•กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ - ผลกระทบเชิงลบได้แก่
i.กลุ่มที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มสายการบิน ได้ประโยชน์ทางตรง ส่วนกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสนามบิน ได้ประโยชน์ทางอ้อม
ii.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ ได้แก่ กลุ่มโรงกลั่น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะรายงานขาดทุนสุทธิใน 4Q57 จากการขาดทุนสต็อกน้ำมันดิบ
3.ตลาดหุ้น / ตลาดล่วงหน้า / ตลาดตราสารหนี้ สหรัฐฯ เปิดทำการเพียงครึ่งวัน
4.ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า ให้น้ำหนักกับการประชุม ECB
•การประชุม ECB วันที่ 4 ธ.ค.
•การประชุม BoE วันที่ 4 ธ.ค.
•อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของไทย วันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งจะมีผลต่อการประชุม กนง.ในวันที่ 17 ธ.ค. ประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
•การประชุมครม. ทุกวันอังคาร คาด รมว.คลัง อาจเสนอแผนการลดหย่อนภาษีให้ ครม. พิจารณา
•ช่วงวันหยุดคาบเกี่ยวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์หน้าต่อเนื่องถึงสัปดาห์ถัดไป
•ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต – บริการของจีน, อัตราเงินเฟ้อ - ผลผลิตภาคอุตฯ ญี่ปุ่น, ภาวะการจ้างงาน ในสหรัฐฯ, อัตราเงินเฟ้อ –ดัชนี PMI ภาคการผลิต – บริการ อียู
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.94 14.35 16.83 14.25
PSE 20.63 17.84 20.87 18.05
JSE 17.14 14.70 17.10 14.66
KOSPI 13.53 10.99 13.61 11.01
TAIEX 14.28 13.19 14.22 13.13
Straits Time 14.54 13.47 14.57 13.49
SHCOMP 10.77 9.59 10.66 9.49
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “เก็งกำไร”
1.AAV : ราคาปิด 4.50 บาท ราคาเหมาะสม 4.90 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะตอบรับเชิงบวกในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX เช้านี้บนการซื้อขายระบบอิเล็กทรอนิคส์ปรับตัวลงถึง US$5.00/barrel หรือ -6.8% เหลือ US$68.67/barrel หลังโอเปคมีมติคงกำลังการผลิตน้ำมัน
b)คาดผลประกอบการ 4Q57 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิ เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว จึงส่งผลบวกโดยตรงต่อ Loading Factor ของ AAV ทั้งเส้นทางในประเทศ และเส้นทางต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของบริษัท
c)และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงมากถึง -19.2% QTD ใน 4Q57 เหลือ US$73.69/barrel (สิ้นสุดวันที่ 26 พ.ย.) ย่อมส่งผลบวกโดยตรงต่อต้นทุนเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q57 และมีโอกาสที่จะเป็น Positive Surprise ให้กับตลาด
d)ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ที่ระดับเพียง PBV 2558 เพียง 0.82 เท่า และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโตสูงถึง +873.5% yoy เป็น 1,577 ล้านบาท
What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ และทุกตลาดในสหรัฐฯ เปิดซื้อขายเพียงครึ่งวัน
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 มากถึง US$682 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$222 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 232.8 103.2 14,294.7 9,188.0
KOSPI n.a 79.1 7,599.8 4,875.1
JSE 45.5 21.5 4,398.1 -1,806.4
PSE 406.9 16.8 1,372.9 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -9.3 -1.8 140.2 263.2
SET INDEX 6.4 3.3 -282.8 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติชะลอ
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +211 +109
SET50 Index Futures (สัญญา) +355 +4,438
SSF (สัญญา) +1,032 -202
Metal Futures (สัญญา) -15 -194
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -473 +2,351
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เพียง 211 ล้านบาท ดีขึ้นจากวันก่อนหน้า รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 3,095 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดลงเล็กน้อย เหลือ 10,829 ล้านบาท
และ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 เพียง 355 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 23,748 สัญญา เทียบกับ 4 วันก่อนหน้าที่ Short สุทธิรวม 10,780 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Short และกลับมามีสถานะ Long สุทธิในส่วนที่เหลือ ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 5 กว้างถึง 5.00 จุด ลดลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 5.29 จุด
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง 15 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิเพียง 209 สัญญา เทียบกับ 12 วันทำการ Long สุทธิไปทั้งสิ้น 8,151 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้เพียงบางส่วน เมื่อราคาทองคำไม่สามารถผ่าน US$1,200/ounce ได้
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 473 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,929 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 0.26bps ปิดที่ 3.005%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 352 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 537 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ITD 74.18 4.56% 7.41
PTT 61.70 4.88% 390.00
AOT 39.28 3.25% 271.83
MINT 30.25 4.81% 36.27
DELTA 19.94 8.16% 74.50
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 22 กระจายการลงทุน
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิ 921 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 634 ล้านบาท รวม 22 วันทำการ NVDR ซื้อสุทธิ 26,059 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุด 270 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 162 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 307 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 129 ล้านบาท กลุ่มไฟแนนซ์ ซื้อสุทธิ 125 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ถูกขายสุทธิสูงสุด 64 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 53 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 83 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
SCB 179.54 14.01 BBL -79.43 12.44
JAS 154.16 7.75 ADVANC -71.82 14.96
KBANK 141.31 21.24 LPN -65.26 17.02
SCC 129.41 13.84 PTTGC -63.50 9.45
DTAC 123.99 22.60 INTUCH -38.25 8.95
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong