- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 November 2014 16:27
- Hits: 1708
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ OPEC
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งแคบ ปิดที่ 1,591.00 จุด ลบ 5.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 60,595 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติเป็นบวกต่อเนื่อง แม้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เพียง 109 ล้านบาท แต่Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 แน่นต่อเนื่อง 4,438 สัญญา ส่งสัญญาณบวกต่อหุ้นหลักในตลาดหุ้นไทย ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 2,315 ล้านบาท
ภาวะการลงทุนวันนี้ เราคงมุมมอง “บวก” เป็นวันที่ 4 แม้ว่า SET INDEX วันนี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,580-1,595 จุด และน่าจะต่อเนื่องถึงวันพรุ่งนี้ เพราะสหรัฐฯ ปิดทำการทุกตลาดในวันนี้ และเปิดครึ่งวันในวันพรุ่งนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณกลางถึงบวก หลังกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกเดือนต.ค. ขยายตัว 3.97% yoy สูงกว่าที่ตลาดคาด และหากพรุ่นี้ ธปท. รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ในแง่ของภาคการบริโภค และการท่องเที่ยว เป็นบวก mom ย่อมเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
และเมื่อข้ามไปสัปดาห์หน้า เราเริ่มเห็นประเด็นบวกที่รอการเก็งกำไร ทั้งการประชุม ECB วันที่ 4 ธ.ค. การเลือกตั้งในญี่ปุ่นวันที่ 14 ธ.ค. และการประชุม กนง. วันที่ 17 ธ.ค. รวมถึงการพิจารณาร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตอล ผลักดันให้ SET INDEX มีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,620 จุด +/- ในรอบนี้
ดังนั้นในช่วง 1-2 วันนี้ หุ้นขนาดใหญ่ พักฐานช่วงสั้น แต่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะ หรือผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่นกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เชื่อว่าจะเคลื่อนไหวเด่นกว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทย
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนเข้าเก็งกำไรในหุ้นหลักที่มีลักษณะ High Beta ขณะที่ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด หรือเติบโตเด่นใน 4Q57” เป็นทางเลือก
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV / MFEC
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: AAV/ MFEC
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังยืนเหนือ 1,590 จุด
คาด SET INDEX แกว่งแคบ 2 วันนี้ เป็นการพักฐาน เพื่อขึ้นต่อ
อีกครั้ง เงินทุนต่างชาติชะลอตัว ช่วงสั้น
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรหุ้น High Beta ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ปิด บวก เป็นส่วนใหญ่ นำโดยตลาดหุ้นจีนที่ปิดบวกเด่นเป็นวันที่ 3 อีก 1.43% ขณะที่กลุ่ม TIP ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นไทย
สำหรับตลาดหุ้นไทย SET INDEX แกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,590-1,600 จุด ตามที่ประเมินไว้ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน หุ้น MSCI ที่ปิดบวกเด่นในวันก่อน เผชิญกับแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม Downside risk จำกัด หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT ทรงตัวได้แข็งแกร่ง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,591.00 จุด ลบเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 5.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 60,595 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกสูงสุด ได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ +2.52%, กลุ่มท่องเที่ยว +1.38% และกลุ่มประกันภัย +0.65% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.30%, กลุ่มอสังหาฯ -1.39% และกลุ่ม ICT -0.03%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.19 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบ ส่วน Kospi เปิดบวก เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุนเช่นเดียวกับวันก่อนหน้า
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ เราคงมุมมองเป็น “บวก” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แม้ว่าภาวะการลงทุนใน 2 วันนี้ขาดความโดดเด่น อีกทั้งกระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ตลาดหุ้นหลายแห่งทั้งในเอเชีย และ สหรัฐฯ ปิดทำการ เพียงแต่ Downside risk ของ SET INDEX ก็เป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน เราประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,580-1,595/1,600 จุด เป็นเพียงการพักฐานช่วงสั้นเท่านั้น
เราให้น้ำหนักกับภาพ SET INDEX ในรอบนี้ มีโอกาสขยับขึ้นทะลุ 1,600 จุด ขึ้นทดสอบ 1,620 จุด +/- ในที่สุด ด้วยปัจจัยเชิงบวกที่จะผลักดันจากนี้ได้แก่
•ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. โดย ธปท. จะรายงานในวันศุกร์ในวันที่ 28 พ.ย. หากสัญญาณการบริโภค และการท่องเที่ยว ฟื้นตัว ย่อมสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
•การประชุม ECB ในวันที่ 4 ธ.ค. ตลาดคาดหวังที่ ECB จะเพิ่มพันธบัตรรัฐบาลประเทศสมาชิก เข้าไปในกลุ่มสินทรัพย์เป้าหมายของการเข้าซื้อ
•การเลือกตั้งทั่วไปในญี่ปุ่น วันที่ 14 ธ.ค. อาจเกิด Nikkei Rally และเป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย
•การประชุม กนง. วันที่ 17 ธ.ค. อาจส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน หากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่ กนง. ประเมิน
•การพิจารณาร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตอล และ มาตรการลดหย่อนภาษี
อีกทั้งสภาพคล่องทางการเงินทั้งในและต่างประเทศที่ล้น ทำให้ตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย Valuation ที่แพง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม TIPs อย่างฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย เนื่องจาก
•อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ ที่ทรงตัวในระดับต่ำเป็นเวลายาวนาน ทำให้นักลงทุนปรับแผนการออกมสู่สินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้นมากขึ้น เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า
•การทำ Carry Trade ผ่านเงินสกุล Euro และ เงินเยนญี่ปุ่น จากนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั้ง 2 ประเทศ เป็นทิศทางผ่อนคลาย
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนซื้อเก็งกำไรในหุ้น High Beta หรือ หุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่น” เป็นสำคัญ พร้อมคาดหวังผลตอบแทนราว 20-30 จุด ในรอบสั้นนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้:
1.ตัวเลขการส่งออกเดือนต.ค.ของไทยฟื้นตัวเด่น:
•การส่งออกเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 3.97% yoy สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 0.55%
•การนำเข้า เดือนต.ค. หดตัว 4.88% yoy หดตัวน้อยกว่า Bloomberg consensus คาด –3.10% yoy
•ส่งผลให้ดุลการค้า เกินดุล US$32 ล้าน สวนทาง Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$970 ล้าน
2.ติดตามการประชุมโอเปควันนี้: ตลาดให้น้ำหนักต่อการพิจารณาปรับลดโควต้าของการผลิต เนื่องจากเศรษฐกิจในอียู / จีน / ญี่ปุ่นที่ชะลอตัวมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัว กดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ดังนั้น
•หากผลการประชุม ตัดสินใจลดโควต้าการผลิตน้ำมัน ย่อมเป็นบวกต่อราคาน้ำมัน และหุ้นน้ำมัน และหุ้นโรงกลั่น
•แต่หากผลการประชุม คงโควต้าการผลิตเช่นเดิม จะส่งผลเป็นกลางต่อราคาน้ำมันดิบ
3.ตลาดหุ้น / ตลาดล่วงหน้า / ตลาดตราสารหนี้ สหรัฐฯ ปิดทำการทุกตลาด เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
4.ยุโรป เริ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ: ล่าสุดประธาน EC ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.15 แสนล้านยูโร เพื่อใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คาดหวังกระตุ้นการจ้างงานราว 1 ล้านตำแหน่ง ขณะที่รองประธาน ECB ส่งสัญญาณพร้อมเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลใน 1Q58 หากจำเป็น กลายเป็นจุดที่ส่งสัญญาณเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินในระบบการเงินโลก เปิดโอกาสทำ Euro carry trade มากขึ้น เป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะเอเชีย ที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ฟื้นตัวได้อย่างจำกัด
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.83 14.25 16.88 14.31
PSE 20.87 18.05 20.66 17.87
JSE 17.10 14.66 17.03 14.61
KOSPI 13.61 11.01 13.51 10.94
TAIEX 14.22 13.13 14.22 13.13
Straits Time 14.57 13.49 14.55 13.97
SHCOMP 10.66 9.49 10.50 9.35
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “เก็งกำไร”
1.AAV : ราคาปิด 4.34 บาท ราคาเหมาะสม 4.90 บาท
a)MBKET เชื่อว่าหุ้นกลุ่มสายการบินมี Downside Risk ที่จำกัด และได้สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีในราคาหุ้นแล้ว
b)คาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจากผลประกอบการ 4Q57 ที่คาดว่าจะพลิกกลับเป็นบวก และกลับมามีกำไรสุทธิในปี 2558
c)เนื่องจาก 4Q57 เป็น High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว จึงส่งผลบวกโดยตรงต่อ Loading Factor ของ AAV ทั้งเส้นทางในประเทศ และเส้นทางต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของบริษัท
d)และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงมากถึง -19.2% QTD ใน 4Q57 เหลือ US$73.69/barrel ย่อมส่งผลบวกโดยตรงต่อต้นทุนเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q57 และมีโอกาสที่จะเป็น Positive Surprise ให้กับตลาด
e)ติดตามการประชุมโอเปคในวันนี้ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบ โดยหากโอเปคคงกำลังการผลิตน้ำมันคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงสู่ระดับ US$70.00/barrel และเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน
2.MFEC : ราคาปิด 8.10 บาท ราคาเหมาะสม 10.90 บาท
a)MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม (SI) จะตอบรับเชิงบวกต่อแผนแม่บท Digital Economy ที่คาดว่าจะจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2557 และเริ่มเดินหน้าใน 1Q58
b)เนื่องจากจะส่งผลให้มูลค่าตลาดของธุรกิจโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นจาก 6.27 แสนล้านบาท เป็น 1.3 ล้านล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า โดยแบ่งเป็น 74% จากธุรกิจโทรคมนาคม, 12% จากธุรกิจ Software และ 14% จากตลาดขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
c)MFEC เป็นผู้นำธุรกิจ Software Infrastructure และเชี่ยวชาญด้านวางระบบโทรคมนาคมทั้งภาครัฐฯ และเอกชน ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะได้อานิสงค์เชิงบวกจากมูลค่าตลาดของธุรกิจสื่อสารที่เติบโตขึ้น และผลักดันการเติบโตของรายได้ใน 3 ปีข้างหน้า
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +18.2% yoy เป็น 344 ล้านบาท และซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 10.4x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 14-15x และให้ Dividend Yield สูงถึงปีละ 7%
What will DJIA move tonight? คืนนี้ทุกตลาดในสหรัฐฯ ปิดทำการ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีก US$222 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$650 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 103.2 119.1 14,061.9 9,188.0
KOSPI 79.1 480.2 7,641.4 4,875.1
JSE 21.5 32.1 4,352.6 -1,806.4
PSE 16.8 -21.4 966.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -1.8 1.8 149.5 263.2
SET INDEX 3.3 38.4 -289.3 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
สัญญาณบวกผ่าน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +109 +1,260
SET50 Index Futures (สัญญา) +4,438 +10,752
SSF (สัญญา) -202 +1,634
Metal Futures (สัญญา) -194 +284
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +2,351 +578
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เพียง 109 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,884 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเล็กน้อย เหลือ 11,040 ล้านบาท
และ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 หนาแน่นต่อเนื่องอีก 4,438 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 23,393 สัญญา เทียบกับ 4 วันก่อนหน้าที่ Short สุทธิรวม 10,780 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Short และกลับมามีสถานะ Long สุทธิในส่วนที่เหลือ ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 มากถึง 5.29 จุด เร่งตัวขึ้นจากวันก่อนหน้า Premium 5.11 จุด
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 13 วันทำการ 194 สัญญา เทียบกับ 12 วันทำการ Long สุทธิไปทั้งสิ้น 8,151 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ หลังราคาทองคำไม่สามารถผ่าน US$1,200/ounce ได้
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 2,351 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,929 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 0.06bps ปิดที่ 3.008%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 537 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 437 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ITD 228.60 10.39% 7.62
TRUE 86.00 2.47% 11.99
KBANK 34.74 4.30% 246.88
ADVANC 25.81 3.26% 238.75
DELTA 23.93 10.00% 72.08
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 21 เน้น PTT เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีกเล็กน้อย 634 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 3,126 ล้านบาท ส่งผลให้ 21 วันทำการ NVDR ซื้อสุทธิ 25,138 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิสูงสุด 307 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 202 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 99 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 83 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 415 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม MAI ขายสุทธิ 70 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTT 414.06 18.96 PTTEP -166.84 20.94
JAS 166.77 9.10 TUF -82.51 30.13
SCC 127.80 10.18 PTTGC -74.95 20.54
DTAC 92.87 13.25 EA -69.29 19.99
ITD 63.38 4.02 TOP -56.29 16.19
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong