- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 November 2014 16:26
- Hits: 1697
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ ตลาดห้นรายวัน
SET จะขึ้นทดสอบ 1600 จุดอีกครั้ง
SET View
แนวโน้มSETจะมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1600 จุด อีกครั้ง โดยมองกรอบเคลื่อนไหว1585-1600 จุดคาดยังไม่ผ่าน ด้วยปัจจัยผสมผสาน (1) ก.พาณิชย์ประกาศตัวเลขส่งออกไทยเดือนต.ค.เติบโต 3.9%YoYสูงสุดในรอบเกือบสองปี เป็นปัจจัยบวกจิตวิทยาเล็กน้อยเนื่องจากการนำเข้าสินค้าทุนไม่รวมเครื่องบินและเรือเติบโตเพียง 0.6%YoYสะท้อนไปยังแนวโน้มการส่งออกเดือนถัดไปว่าอาจไม่แรง(2)กลุ่มพลังงาน (18% ของมูลค่าตลาดรวม) จะคงถ่วงSETเนื่องจากนักลงทุนจะรอความชัดเจนผลการประขุม OPEC เกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตของสมาชิกในกลุ่มซึ่งจะทราบผลในตอนเย็นของวันนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลการประชุมจะไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางราคาน้ำมันดิบอย่างมีนัย และราคาหุ้นในกลุ่มนี้จะเริ่มสะท้อนปัจจัยเฉพาะตัว หลังการประชุมครั้งนี้ (3)นักลงลงทุนสถาบันขายสุทธิเป็นวันที่สองอีกเล็กน้อยราว 213 ล้านบาท กดดันจิตวิทยาการลงทุน(4) ทางเทคนิค เตรียมขึ้นทดสอบ 1600 จุด หากผ่านไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1650 จุด(Previous High)
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน หาก SET ยังคงยืนเหนือ 1585 จุด หาจังหวะขึ้นขายลงซื้อ
1)Top Daily Pick :BGH(คาดผลประกอบการ 4Q7 เติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยฤดูกาล และเติบโตกว่า 20% ในปี 58 ผลักดันจากโรงพยาบาลใหม่ที่ซื้อเข้ามาเพิ่ม และจะช่วยประหยัดขนาดในระยะยาว)GFPT (คาดผลประกอบการ 4Q57 จะได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบในสต๊อกที่ปรับตัวลง และยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 58 จากความต้องการในตลาดส่งอออกที่ยังคงเพิ่มสูงโดยเฉพาะจากญี่ปุ่น)
2)Technical Pick:ADVANC MINT TICON TOP AQ
3)Theme Play : กลุ่มรับเหมาฯที่ยัง laggard(CK STEC) ได้ประโยชน์จากงานประมูลโครงการโครงสร้างฟื้นฐานที่จะมีความคืบหน้าในช่วงที่เหลือของปีนี้ หุ้นกลุ่มนำตลาดที่คาดผลประกอบการ 4Q57 เติบโตต่อเนื่องหรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว/จากปัจจัยฤดูกาล ทั้งกลุ่มสื่อสาร (ADVANC INTUCH JAS THCOM SIM) พัฒนาที่อยู่อาศัยที่เป็น Top Picks(LH SPALI )ท่องเที่ยว/ขนส่ง/โรงพยาบาล (AOT ERW MINT BGH CHG)
ระยะ 1-2 สัปดาห์
Trading BCP BEAUTY BGHINTUCHLH SNC SST
Delete: NBCAdd: BGH
ระยะ 3- 6 เดือนขึ้นไป
Growth EFORL HOTPOT JAS TOP WORK
Dividend BBL EGCO MC PTTEP PTTGC SNC SRICHA
Quant BEAUTY EGCO HOTPOT MSC SNC TOG TUF
รายงานวันนี้
Update : NBC (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 6 บาท) เตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณาช่อง Nation TV ขึ้น 30-50%
Update : CKP (ขาย / มูลค่าเหมาะสม 14.85 บาท) คงแนะนำ “ขาย”
Comment : BEAUTY (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 34 บาท)ยอดขายสาขาเดิมโดดเด่นสุดในกลุ่ม
Fundamental Talk
ผลการประชุม OPEC จะไม่มีนัยเชิงบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบ
•การประชุมกลุ่ม OPEC เพื่อกำหนดโควต้าการผลิตน้ำมันดิบที่จะทราบผลเย็นวันนี้คาดว่าผลการประชุมมี 2 แนวทาง (1) ปรับลดโควต้าการผลิตลงเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันดิบ แต่เสี่ยงต่อการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับผู้ผลิตสหรัฐ (2) รักษาโควต้าการผลิต ณ ระดับปัจจุบันที่ราว 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน(ราว 40% ของปริมาณการผลิตโลก) ปล่อยให้ราคาต่ำลงจนผู้ผลิตต้นทุนสูงจากสหรัฐต้องชะลอการผลิตลง เรามองว่าไม่ว่ามติที่ประชุมจะเป็นอย่างไรจะไม่มีผลบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบอย่างมีนัยสำคัญ อีกนัยหนึ่งราคาน้ำมันดิบน่าจะยังคงทรงตัวในระดับต่ำต่อไป (Brent จะยังเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า US$90 ต่อบาร์เรลจนถึง 1Q58และมีความเสี่ยงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าระดับ US$76)ด้วยปัจจัยสนับสนุน
(1)เชื่อว่า OPEC จะไม่สามารถดำเนินการให้มติการประชุมมีผลในทางปฏิบัติก่อนการประชุมครั้งนี้สมาชิกในกลุ่มมีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน ทางอิหร่าน อิรักและลิเบียแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการลดกำลังการผลิตลง หากที่ประชุมมีมติลดโควต้าการผลิต เราคาดว่าสมาชิกส่วนใหญ่จะคงผลิตเกินโควต้า(ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2525-52 พบว่าการเปลี่ยนแปลงโควตาไม่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิต ขณะที่มีถึง 10/12 ชาติสมาชิกที่มักผลิตเกินโควต้าราว 10%) เราเชื่อว่าเป็นผลจากชาติสมาชิกคำนึงถึงรายได้จากการขายน้ำมันที่ต้องสอดคล้องกับงบประมาณรายจ่ายของประเทศตนเองเป็นหลัก กอปรกับประเทศสมาชิกส่วนใหญ่มีต้นทุนการผลิตค่อนข้างต่ำ (เฉลี่ยราว US$30 ต่อบาร์เรล Brent) เมื่อเทียบกับประเทศNon-OPEC เช่นสหรัฐ ( กว่า ½ ของผู้ผลิตสหรัฐ มีต้นทุนผลิตราว US$75-80 ต่อบาร์เรล Brent อีกนัยหนึ่ง ณ ระดับราคาน้ำมันดิบที่ US$75 ลงมาผู้ประกอบการสหรัฐจะไม่มีกำไร)
(2)ผู้ผลิตNon-OPEC เริ่มมีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะสหรัฐคาดว่าปีนี้จะผลิตน้ำมันดิบได้ถึง 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นราว 80% จากปี 51 และมีแนวโน้มลดการนำเข้าทุกปีหลังจากการปฏิวัติ Shale Gas/Shale Oil ประสบผลสำเร็จ(ปัจจุบันสหรัฐนำเข้าราว 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน)การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC จึงมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้ประเทศ Non-OPEC และจะไม่ช่วยให้ระดับราคาน้ำมันดิบปรับตัวดีขึ้น
(3)ปัจจัยด้านอุปสงค์ที่อ่อนแอลงทั้งจีน ญี่ปุ่น และยุโรป รวมถึงแรงกดดันจากภาวะเงินฝืด (Deflation) และเศรษฐกิจชะลอตัว (Recession) ที่เริ่มเกิดขึ้นในบางประเทศ และมีแนวโน้มที่จะกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบ
การเข้าเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานจากความคาดหวังเชิงบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดี ยกเว้นเป็นการเก็งกำไรต่อปัจจัยบวกเฉพาะตัว (อาทิ PTT ที่จะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และ BCP ที่มีโอกาสปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสมจากการขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์มากกว่าคาด เป็นต้นซึ่งนักลงทุนควรติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด)
Smart Port Note
SST จะซื้อ-ขายในบัญชี Cash balance จนถึงวันศุกร์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้าย ประกอบกับ 3Q57 พลิกกลับมามีกำไร 413 ล้านบาท โดย ณ.ราคาปัจจุบันซื้อ-ขายที่ P/E 4 ไตรมาสย้อนหลัง (trailing PE) เพียง 22 เท่าส่งผลให้ SST ลดโอกาสในการกลับไปติดเกณฑ์ cash balance อีกครั้งในสัปดาห์หน้าสูง
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.09
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.12
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.78
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.48