- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 November 2014 15:51
- Hits: 1581
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +7.84, NASDAQ +41.92, S&P +5.91, FTSE -20.97, CAC +21.21 และ DAX +52.99 โดย DJIA และ S&P 500 ยังทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังธนาคารกลางหลายแห่งส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ แม้ได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ - ตค. อยู่ที่ +0.14 ลดลงจาก +0.29 เมื่อกย. แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ชะลอลง และ (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้น - พย. อยู่ที่ 56.3 ลดลงจาก 57.1 เมื่อตค. และเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เมย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการชะลอ
ตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
.....ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนี - พย. อยู่ที่ 104.7 เพิ่มจากระดับ 103.2 เมื่อตค. โดยปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน หลังจากที่อ่อนแรงลงติดต่อกันมา 6 เดือน
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มค. -US$0.73 อยู่ที่ US$75.78 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยกดดันจากการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจจะไม่ปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ (27/11/57) จากก่อนหน้าที่มีการประเมินว่าโอเปคอาจจะลดเพดานการผลิตลงประมาณ 1.0 - 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$2.0 อยู่ที่ US$1,195.7 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร หลัง DJIA และ S&P 500 ยังทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,470 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -11,557 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้น แม้ตลาดต่างประเทศเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง แต่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศ
…..ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาดน้ำหนักจาก Fund Flow เป็นบวกมากขึ้น หลังมีแรงซื้อสุทธิต่างชาติล่าสุดกว่า 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของ Fund Flow ยังมีความผันผวนหลังแรงซื้อ / ขายสุทธิจากต่างชาติสลับกันไป และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว (เดือนธันวาคม) ซึ่งคาด Fund Flow อาจชะลอตัวบ้าง และยังแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลัง GDP – 3Q/57 เติบโตต่ำกว่าคาด
.....รวมถึงความชัดเจนเกี่ยวกับแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – ’65 ซึ่ง ครม. อนุมัติเมื่อ 21/10/57 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว โดยล่าสุด (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีน ด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59
....นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58 ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.31% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.28 อยู่ที่ 12.62
หุ้นแนะนำ : BCP
ประเด็นที่ต้องติดตาม (25 - 28 พย.’57)
25/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP – 3Q/57 (2) ราคาบ้าน - กย. (3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค - พย.
26/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) รายได้ส่วนบุคคล - ตค. (2) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน - ตค. (3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก - พย.(4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้าย - พย. (5) ยอดขายบ้านใหม่ - ตค. (6) สต็อกน้ำมันราย
27/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
28/11/57 : ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788