- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 November 2014 16:54
- Hits: 1743
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาคการผลิตต่างประเทศน่าเป็นห่วง
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : วานนี้ตลาดฯมีแรงขายทำกำไรช่วงบ่าย จากช่วงเช้าแกว่งแคบ ปิดตลาฯดัชนีฯปรับลง 8.87 จุด หรือ -0.56% ปิดที่ระดับ 1,568.68 จุด ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงเป็น 41.5 พันล้านบาท แม้วานนี้ไม่มีปัจจัยเด่นๆ มีเพียงมาตรการสกัดหุ้นร้อน ของตลาดฯเข้มงวดมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือเดิมๆ แต่ไม่ถึงกับเป็นยาแรง เริ่มใช้ปี 58 แต่คาดว่าจะมีผลกระทบกับดัชนีฯและปริมาณการซื้อขายให้น้อยลงในปีหน้า ด้านผู้ซื้อสุทธิวานนี้มีเพียงรายเดียวคือ รายย่อย ส่วนขายสุทธิคือ สถาบัน พอร์ตโบรกเกอร์ และต่างประเทศ
สำหรับ วันนี้ปัจจัยต่างประเทศที่เป็นบวกมีเพียงสหรัฐเรื่องราคาบ้านมือสอง แต่ตัวเลขภาคการผลิต (PMI) พ.ย.หลายประเทศน่าเป็นห่วงคือ สหรัฐ ยุโรป และจีน ด้านปัจจัยในประเทศที่เป็นบวกคือ ข่าวต่ออายุ LTF จะทำให้ปริมาณการซื้อขายไม่หายไปในอนาคต ส่วนเรื่องบวกเดิมๆคือ ตลาดยังมีความหวังกับแรงซื้อของกองทุน LTF ในช่วง 1-2 เดือนสุดท้ายของปี และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ & กำไรบจ.ในปี 58 นอกจากนั้น Valuation ของตลาดหุ้นไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ก็พร้อมที่จะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา หลังวานนี้ดัชนีฯปรับขึ้นดี ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง จึงแนะนำว่าการเก็งกำไรไม่ควรหวัง Gap ที่มาก เน้นซื้อค่าบวก หากเป็นลบจะดูไม่ดี ส่วนการซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาวควรเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ก่อน หุ้นพื้นฐานแนะนำในวันนี้เป็น SOLAR
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นยังเป็นลบ หากต้องการเก็งกำไร การซื้อใหม่จึงยังควรเป็น Follow Buy ด้วยค่าบวก แต่หากเป็นลบดูไม่ค่อยดี เพราะมีสิทธิอ่อนตัวลงต่อไปยังแนวเด้ง 1560, 1550 แต่ถ้ายืนเหนือ SMA10 ได้ก็ลุ้นถือต่อ หุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำNew high ที่ยังอยู่ใน List คือ MK, RATCH, KTIS, FSMART หุ้นที่เข้ามาใหม่ เป็น AMATA,UNIQ,TMB,AJD,CTW หุ้นที่หลุด List GENCO,BH ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ SOLAR
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
-ยุโรป: ดัชนีภาคการผลิต (PMI) พ.ย.อ่อนแรง ร่วงลงแตะระดับ 51.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับเดือนต.ค.ที่ 52.1 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า ยูโรโซนอาจจะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตอันใกล้
-จีน: ดัชนีภาคการผลิต(PMI) พ.ย.อ่อนแรงเช่นกัน ลดลงแตะ 50.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จาก 50.4 ในเดือนต.ค.ส่งสัญญาณว่าแรงกดดันด้านเงินฝืดยังคงรุนแรง และตลาดแรงงานยังคงบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแรง
+สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านมือสอง ต.ค.สดใส สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น1.5% แตะที่ 5.26 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว
-สหรัฐฯ: ตัวเลขภาคการผลิต (PMI) พ.ย.ซบเซา ร่วงลงแตะ 54.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 55.9
-สหรัฐฯ:จำนวนผู้ขอรับสวิสดิการลดลงไม่มาก จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย.ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 291,000ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลงไม่มากเท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 285,000 ราย และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนต.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.1%
+ดาวโจนส์: ปรับเพิ่มขึ้นได้ ยอดขายบ้านมือสองสดใสขึ้น ดาวโจนส์ปิดที่17,719.00 จุด เพิ่มขึ้น 33.27 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่4,701.87 จุด เพิ่มขึ้น 26.16 จุด หรือ +0.56% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,052.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.03 จุด หรือ +0.20%
+น้ำมัน: ปรับเพิ่ม คาดการณ์ประชุมโอเปคจะลดเพดานผลิต สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ปิดที่ 79.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
-ทองคำ: ปรับลดกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยและดอลลาร์แข็งขึ้นสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3 ดอลลาร์หรือ 0.25% ปิดที่ 1,190.9 ดอลลาร์/ออนซ์
+ดัชนีค่าระวางเรือ: เพิ่มขึ้นเล็กน้อย วานนี้ปรับขึ้น 26 จุด หรือ +1.99% ปิดที่ 1,332 จุด
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
+LTF: ข่าวดีมีการยืดอายุ จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงปี 59 ทั้งนี้คลังฯจะพิจารณาต่ออายุด้วยเงื่อนไขเดิม หรือปรับเปลี่ยนนั้นจะต้องมีการสรุปอีกครั้ง สำหรับเงื่อนไขที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะเสนอให้คลังพิจารณาเช่น การเพิ่มจำนวนปีที่ถือครอง การลดวงเงินที่สามารถหักลดหย่อนภาษี
-/• การเมือง: ลงชื่อเลิกกฎอัยการศึก นักวิชาการ นักศึกษา กว่าพันคนลงชื่อออกแถลงการณ์ยกเลิกกฎอัยการศึก อ้างละเมิดสิทธิประชาชน แต่ทางรัฐบาลยังต้องการรักษาความสงบ จึงไม่ยกเลิกในขณะนี้ แม้จะดูเป็นลบบ้างในเรื่องความขัดแย้ง แต่เราเห็นว่าการต่อต้านเป็นเพียงส่วนน้อย
- หลักทรัพย์ S: เผชิญแรงขายทำกำไร หลังมี Big Lot ต่อเนื่อง วานนี้มีการทำอีก 70 ล้านหุ้นที่ราคาต่ำกว่าในกระดานคือ 9.30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ทำไปแล้ว จำนวน 190 ล้านหุ้น มูลค่า 1,767 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย9.30 บาท/หุ้น ประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยจิตวิทยาทางลบ เพราะหากมีบิ๊กล็อตหุ้นที่ราคาต่ำกว่าในตลาด นักลงทุนอาจคิดว่าเป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่ จึงมีแรงขายออกมา ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่ ขณะที่ก่อนหน้า S ได้แถลงแผนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โปรเจกต์ใหญ่ซึ่งจะต้องใช้เวลาและต้องลงทุนเยอะมากหลายหมื่นล้านบาท ในระยะ 5 ปี รวมถึงการหาพันธมิตรใหม่ หรือซื้อกิจการ ซึ่งโครงการอสังหาฯใน 1-2 ปีนี้จะยังไม่เห็นรายได้และกำไรเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ จึงมีขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ จากก่อนหน้าที่เก็งกำไร เพราะความคาดหวังกลุ่มสิงห์
-NWR: ปัจจัยพื้นฐานยังอ่อนแอในอุตสาหกรรม บริษัทคาดว่ารายได้ปีหน้าจะเติบโตอย่างน้อย 8% โดยจะได้รับผลดีจากโครงการลงทุนของภาครัฐรวมทั้งงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ราว 1.28 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนดทยอยรับรู้เป็นรายได้ราว 50% ในปีหน้า ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาและยังมีผลขาดทุน
ความเห็น: บริษัทมีจุดอ่อนในเรื่องการบริหารต้นทุนการก่อสร้าง มักมีการบันทึกกำไรไปก่อนล่วงหน้า แต่เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ กลับมีต้นทุนที่สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ ทำให้บางไตรมาสเมื่อมีการทบทวน จะเกิดขาดทุนเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในงวด 3Q57 ขาดทุนถึง 115 ล้านบาท สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนและนักวิเคราะห์มาก จึงคงคำแนะนำในเชิงลบคือ เต็มมูลค่า(Fully Valued) ราคาพื้นฐาน 1.60 บาท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835
[email protected]