- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 January 2022 17:31
- Hits: 9149
บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 20-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T /20 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
ลุ้น ศบค. ผ่อนคลายมากขึ้น
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,650 จุด และแนวต้าน 1,670 จุด เน้นหุ้นกำไรเติบโตดี โดย ATO Picks แนะนำ “SABINA
SABINA
ปรับประมาณการกำไรปี 2564-2565 เพิ่มขึ้น 9-10% สะท้อนอัตรากำไรฟื้นตัวดีกว่าคาด ส่วนกำไร 4Q64 คาดที่ 92 ล้านบาท (+66% QoQ และ +30% YoY) ทำจุดสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส จากยอดขายทางสาขาฟื้นตัว ผสานยอดขายทาง online และ OEM ที่เพิ่มขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27 บาท
PTTEP
ราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 7 ปี ขานรับอุปสงศ์น้ำมันที่ยังคงปรับตัวขึ้นหลังภาพเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ผสานภาวะอุปทานที่ยังคงตึงตัว และความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่ไม่สงบใน UAE และรัสเซีย เป็นแรงกระตุ้นเพิ่มเติม เพิ่มโอกาสต่อการปรับสมมติฐานราคาน้ำมัน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 157 บาท
INVESTMENT THEME
ภาคอสังหา และก่อสร้าง US ยังขยายตัว : วานนี้สหรัฐฯ รายงานตัวเลชการเริ่มสร้างบ้านใหม่ (Housing Starts) เดือนธันวาคม ขยายตัว +1.4%MoM สวนกับที่ตลาดคาดจะหดตัว -1.7%MoM เช่นเดียวกับตัวเลขใบอนุญาตการก่อสร้างบ้าน (Building Permits) เดือนธันวาคม ขยายตัวถึง +9.1%MoM สวนคาดที่ -0.8%MoM บ่งชี้ว่าทิศทางของภาคอสังหา และการก่อสร้างของสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มขยายตัว สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังเดินหน้าต่อเนื่อง
ลุ้น ศบค. ผ่อนคลายมากขึ้น : คาดวันนี้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีแนวโน้มจะลดความเข้มข้นของมาตรการ COVID-19 เช่น การปรับลดบางจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 69 จังหวัด ลดลงเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง), การพิจารณานำรูปแบบการเดินทางเข้าประเทศ แบบ Test & Go กลับมาใช้อีกครั้ง รวมถึงการพิจารณาขยายระยะเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 65 เป็นต้น ซึ่งหาก ศบค. มีมติเห็นชอบกับประเด็นเหล่านี้ ก็จะสะท้อนมุมมองที่ดีขึ้นต่อสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน และช่วยหนุนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยเพิ่มเติม
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่ง Sideways ท่ามกลางความเสี่ยงดอกเบี้ยสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเร่งขึ้น โดย SET ปิดที่ 1,658.24 (-2.03 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.14 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,047 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,981 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Future ที่ 2,922 สัญญา)
EYES ON
20 ม.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดขายบ้านมือสอง US, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ US, ตัวเลข CPI ยูโรโซน
21 ม.ค. ส่งออกไทย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
Sabina (SABINA)
กำไรเติบโตดี ESG เด่น
BUY
Share Price THB 21.00
12 m Price Target THB 27.00 (+29%)
Previous Price Target THB 23.50
ประเด็นการลงทุน
เราปรับประมาณการกำไรปี 2564-2565 เพิ่มขึ้น 9-10% สะท้อนอัตรากำไรฟื้นตัวดีกว่าคาด แนวโน้มกำไร 4Q64 ดีกว่าที่เราเคยประเมินและสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส ภาพรวมปีนี้เราคาดว่ายอดขายกลับมาเติบโตดีทั้งการขายทางสาขาและ NSR อีกทั้งบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้อัตกำไรสูงขึ้น การเน้น ESG จะสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทและมีโอกาสได้ premium valuation ในระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) ปรับขึ้นจาก 23.50 บาท เป็น 27 บาท
แนวโน้มกำไร 4Q64 ดีกว่าที่เราเคยคาด
เราประเมินว่ากำไรสุทธิ 4Q64 เพิ่มขึ้น 66% QoQ และ 30% YoY เป็น 92 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส เป็นผลมาจากอัตรากำไรฟื้นตัวขึ้นจากการที่ยอดขายทางสาขาฟื้นตัวหลังการเปิดเมือง ขณะที่ยอดขายทาง NSR ดีต่อเนื่องโดยยังคงมียอดขายในแคมเปญ 11.11 และ 12.12 เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มแฟชั่นของ Lazada และ Shopee อีกทั้งยอดขาย OEM มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน เราคาดว่า SABINA จะจ่ายเงินปันผล 0.42 บาท/หุ้น (จ่าย 100% ของกำไร) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปีที่ 2%
ฟื้นตัวจากทั้งยอดขายและอัตรากำไร
คาดว่ายอดขายปี 2565 เพิ่มขึ้น 20% จากการฟื้นตัวของยอดขายทางสาขาซึ่งได้รับผลกระทบจากล็อกดาวน์ในปีก่อน ส่วนยอดขายทาง NSR มีทิศทางการเติบโตแข็งแกร่งทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งบริษัทเชื่อว่ามีศักยภาพเติบโตสูงในระยะยาว แม้ต้นทุนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่เราคาดว่า SABINA จะมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทปรับโครงสร้างราคาสินค้าไปตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งการสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากทำให้สามารถเจรจาต่อรองได้ บริษัทมีความยืดหยุ่นในการผลิตเองและจ้างโรงงานอื่นทั้งใน&ต่างประเทศผลิตให้ นอกจากนั้นการเพิ่มสัดส่วนการขายทาง NSR จะผลักดันอัตรากำไรให้สูงขึ้น
เติบโตยั่งยืนภายใต้ ESG
SABINA ให้ความสำคัญกับ ESG มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะมีการออกสินค้า Sustainable product ซึ่งใช้นวัตกรรมการผลิตและวัตถุดิบที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งจะมีการร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำในการผลิตสินค้ากลุ่ม Sustainable product โดย SABINA ตั้งเป้าหมายเป็น 5% ของสินค้าทั้งหมด แม้สัดส่วนยังน้อย แต่นับเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว และมีโอกาสที่จะทำให้บริษัทได้ premium ในการประเมินมูลค่ากิจการในอนาคต
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ ต้นทุนผลิตสูงขึ้น การนำเข้าสินค้าประสบปัญหา
Suttatip Peerasub
(66) 2658 5000 ext 1430
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ