- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 November 2014 16:41
- Hits: 1487
บล.โกลเบล็ก : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Market View : ผันผวนในกรอบ ,570 - 1,585 จุด
Technical : แนวรับ 1,566 / 1,555 แนวต้าน : 1,586 / 1,600
หุ้นแนะนำพิเศษ : KTB
หุ้นเด่นรายวัน : ML
ดัชนี หุ้นไทยวานนี้ย่อตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่ตลท.-สมาคมโบรกฯสรุปมาตรการเพิ่มเติมในการสกัดหุ้นร้อน ประกอบกับแรงขายกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ทรุดตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,577.55 (-3.72 จุด) Volume 4 หมื่นลบ. โดย Foreign Net buy 493 ลบ. แต่ Net short TFEX 3.8 พันสัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
รายงานการประชุมเฟดระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอาจจะปรับตัวลง ซึ่งบ่งบอกว่า FED มีโอกาสที่จะตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป รวมถึงเม็ดเงินจากกองทุน LTF RMF ในงาน SET in the city ช่วงปลายสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นแรงผลักดันให้ SET เป็นทิศทางเชิงบวก อย่างไรก็ตามมาตรการสกัดหุ้นร้อนที่ออกมาวานนี้จะเป็นตัวถ่วงให้การดีดตัวขึ้นมีจำกัด อีกทั้งสัญญาณทางเทคนิค SET ยังไม่สามารถทะลุกรอบพักตัว 1,585 จุดขึ้นไปเพื่อยืนยันขาขึ้นรอบใหม่ที่ชัดเจน ดังนั้นคาดว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,570 - 1,585 จุด
กลยุทธ์
แนะนำซื้อเก็งกำไร และสามารถถือหุ้นข้ามวันได้หาก SET ไม่ปิดต่ำกว่า 1,570 จุด โดยยังคงเน้นหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์จากรถไฟฟ้ารางคู่ รวมถึงกลุ่มธนาคารที่จะปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ทั้งนี้ BBL KTB มี P/E และ P/BV ต่ำกว่าค่ากลุ่ม
- หุ้นที่ได้เข้า MSCI Thailand รอบใหม่ DELTA EA TUF และ Small cap AIRA EFORL ICHI KTIS PCSGH SAWAD SUPER
คาดเข้าSET50Index คือ CK,KTIS,HEMRAJ
หุ้นแนะนำพิเศษ
KTB ราคาปิด 23.50 บาท ซื้อ ราคาพื้นฐาน 26.60 บาท
คาดกำไร 2014 ที่ 3.5 หมื่นลบ.(+2%YoY) จากสินเชื่อที่ขยายตัวขึ้นราว 8% QoQ นำโดยสินเชื่อ Corporate และ SME รวมทั้งได้อานิสงส์จากโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ที่พร้อมเดินหน้าในช่วงถัดไป
ราคาหุ้น laggard P/E 9.3 เท่า , P/BV 1.5 เท่า ต่ากว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคาร และ yield 3.8%
หุ้นเด่นรายวัน
ML (ราคาปิด 2.64 บาท ซื้อเก็งกำไร)
ลั่นมีกลุ่มทุนทั้งไทย-เทศแห่เข้าเจรจาขอร่วมทุนเพียบหวังต่อยอดตลาดลีสซิ่งข้ามชาติ คาดดีลมีสิทธิ์ปิดเกมไม่เกินข้ามปี ขณะที่กำไรไตรมาส 4/2557 มั่นใจเติบโตโดดเด่นหลังเข้าสู่ไฮซีซันของธุรกิจ พร้อมลุ้นพอร์ตปีนี้สูงกว่า 3.2 พันล้านบาท (ที่มา..ทันหุ้น)
มุมมองด้านเทคนิค - แนวรับ 2.60 แนวต้าน 2.80 , 3.10 จุด cut loss 2.50 กราฟพลิกตัวขึ้นแบบ U shape ตัดเส้น EMA 10 วันขึ้นมาเป็นสัญญาณซื้อ พร้อมกับ RSI + MACD ชี้ขึ้นสนับสนุนทิศทาง จึงคาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อได้
ปัจจัยบวก
+ รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 28-29 ต.ค. แสดงให้เห็นว่าเฟดจะให้ความสนใจกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในต่างประเทศ โดยระบุถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลง จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไปเป็นระยะเวลาที่นานขึ้น
+ ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ต.ค.อยู่ที่ 87.5 กระเตื้องขึ้นเล็กน้อย หลังได้รับออเดอร์ช่วงปลายปีและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ จี้รัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือราคาสินค้าเกษตรกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ปัจจัยลบ
- กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการเริ่มสร้างบ้านปรับตัวลดลง 2.8% ในเดือนต.ค. แตะที่ 1.009 ล้านยูนิต
- สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการเริ่มสร้างบ้านลดลง 2.8% ในเดือนต.ค. แตะที่ 1.009 ล้านยูนิต ส่วนตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างซึ่งเป็นมาตรวัดการก่อสร้างในอนาคตเพิ่มขึ้น 4.8% แตะที่ 1.08 ล้านยูนิต อย่างไรก็ดี การเริ่มสร้างบ้านที่ฟื้นตัวยังมีแนวโน้มการขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อปีที่ 1.7 ล้านยูนิตในช่วงระหว่างปี 2539-2549
- รายงานการประชุมธนาคารกลางอังกฤษเมื่อ 5-6 พ.ย.ชี้ให้เห็นว่าบอร์ดส่วนใหญ่กังวลเรื่องเงินเฟ้อ
- ตลท.เสนอมาตรการสกัดหุ้นร้อนเพิ่มเติมให้กลต.เห็นชอบโดยมาตรการที่จะออกมาเพิ่มเติมคือ 1) กำหนดให้หุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติและถูกขึ้นเครื่องหมายเตือน (Trading Alert) และตลาดสั่งให้ชี้แจงว่าธุรกิจมีพัฒนาการหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่มีผลต่อราคาหุ้นอย่างไรจะต้องซื้อขายด้วยบัญชีเงินสด (แคช บาลานซ์) ทันทีเป็นเวลา 3 สัปดาห์ 2) หากราคาหุ้นยังคงเคลื่อนไหวผิดปกติติด Trading Alert อีก ก็จะต่อเวลาในการซื้อขายด้วยบัญชีแคชบาลานซ์ต่ออีก 3 สัปดาห์ และ 3) หุ้นตัวนั้นๆ จะถูกห้ามใช้เป็นหลักประกันในการคำนวณวงเงินซื้อขายหุ้น ซึ่งจะเริ่มใช้ ม.ค. 58
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดยอดผลิตรถยนต์ของไทยในปี 57 ราว 2 ล้านคัน ลดลงจากปี 56 ที่มียอดผลิตรวม 2.45 ล้านคัน เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก การเบิกจ่ายงบประมาณยังไม่ได้ตามเป้าหมาย ราคาสินค้าเกษตรลดลง ขณะที่ส่งออกมาจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว
ปัจจัยที่ต้องจับตา
ในประเทศ
20 - 23 พ.ย. งาน SET in the City 2014
28 พ.ย. สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรมประจำเดือน / ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจ / กสทช. แจกคูปองทีวีดิจิตอลล็อต 2 ในอีก 21 จังหวัด / สนช.พิจารณาวาระถอดถอน "ยิ่งลักษณ์"
สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้าประจำเดือน / สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง
เดือน ธ.ค. รัฐบาลเตรียมแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือน / ธปท.เตรียมปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่ำกว่า 1.5% ซึ่งขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนต.ค.และผลนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้
9 ธ.ค. ประชุมร่วมครม.และคสช.
16 ธ.ค. กำหนดประชุมกนง. ครั้งที่ 8/2557 มีลุ้นว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากสภาพัฒน์ประกาศตัวเลข GDP Q3/57 ต่ำเพียง 0.6%
25 ธ.ค. แถลงรายงานผลการประชุมกนง. เมื่อ 16 ธ.ค.
ต่างประเทศ
20 พ.ย. ญี่ปุ่น เปิดเผยดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค./ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย./คำสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนต.ค./ ยอดขายซูเปอร์มาร์เก็ตเดือนต.ค.
จีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นพ.ย.
เยอรมนี เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. / ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นเดือนพ.ย.
ฝรั่งเศส อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นเดือนพ.ย.
อังกฤษ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.
สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์/ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค./ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย. / ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย./ ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. / ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.
27 พ.ย. จับตาการประชุมของกลุ่มโอเปคว่าจะมีการปรับลดการผลิตหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับลดการผลิต
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* MLINK มีผลบังคับใช้ 22 ก.ย. - 21 พ.ย. 57
* AJD / CGD / MILL มีผลบังคับใช้ 6 ต.ค. - 21 พ.ย. 57
* COLOR / SMART / EVER / RICH / SUPER / SOLAR / CWT / TMI / FVC มีผลบังคับใช้ 13 ต.ค. - 21 พ.ย. 57
* ACD / CIG / EMC / FOCUS / GENCO / NIPPON / SST / TAKUNI / TIES มีผลบังคับใช้ 20 ต.ค. - 28 พ.ย. 57
* BSM / PCA / SANKO / SVOA / TFI / WIN มีผลบังคับใช้ 27 ต.ค. - 4 ธ.ค. 57
* ABC / CCN / CSS / EVER / GENCO-W1 / KC / LOXLEY-W / RCI / RPC / WAT มีผลบังคับใช้ 3 พ.ย. - 12 ธ.ค. 57
* AEC/ AEC-W2 / CGD-W3 / CHOW / CKP / GEL-W4 / LIVE / MILL-W2 / PAE / PLE-W2 / RWI มีผลบังคับใช้ 10 พ.ย. - 19 ธ.ค. 57
SPA / TEAM / TSE
* CEN / E / EE / IFEC / MAX / MIDA / NMG / TWZ / UWC / VTE / VTE-W1 มีผลบังคับใช้ 17 พ.ย. - 26 ธ.ค. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ - 2.09 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,685.73 จุด ลดลง 2.09 จุด หรือ -0.01% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,675.71 จุด ลดลง 26.73 จุด หรือ -0.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,048.72 จุด ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.15% หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนต.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้เทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้
ตลาดน้ำมัน NYMEX - 0.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 74.58 ดอลลาร์/บาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย
Analyst - วิลาสินี บุญมาสูงทรง
ชัยยศ จิวางกูร
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์