- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 January 2022 13:55
- Hits: 8277
บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 17 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY IN Sideways :
เวันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,665 จุด และแนวต้าน 1,680 จุด เน้นหุ้นกำไรเติบโตดี โดย ATO Picks แนะนำ “SPRC, KKP”ข้าสู่ช่วงประกาศงบVESTMENT STRATEGY
SPRC
คาดค่าการกลั่นปี 65 ปรับตัวขึ้นสู่ 4.5-5 USD/bbl จากปี 64 ที่ 3.4 USD และ คาด Utilization Rate ปี 65 ขึ้นสู่ระดับ 85-90% จากปี 64 ที่ 74% จากความต้องการ Gasoline สูงขึ้น ประเมิน Spread ที่ 11-12 Vs เฉลี่ย 9 USD ส่วนปี 65 จะกลับมาจ่ายปันผลได้ราว 5%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 11.2 บาท
KKP
คาดกำไร 4Q64 ที่ 1510 ล้านบาท (+36%YoY, +2%QoQ) จาก Credit cost ที่ลดลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น รายได้จากตลาดทุนปรับตัวสูงขึ้น คาดการตั้งสำรองจะลดต่ำลงใน 4Q64 ถึง -50% YoY และมีอัตราการจ่ายปันผลสูง คาดปันผลปี 65 ที่ระดับ 5.6%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75 บาท
INVESTMENT THEME
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่ำคาด : จากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ผ่านที่น่าผิดหวัง นำโดย 1) ยอดค้าปลีก เดือนธันวาคม ลดลง -1.9%MoM แย่กว่าคาดที่ -0.1%MoM และ 2) ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม ลดลง -0.1%MoM สวนตลาดที่คาดจะขยายตัว +0.2%MoM และ 3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมกราคม ซึ่งลดลงสู่ระดับ 68.8 จาก 70.6 และแย่กว่าคาดที่ 70 จุด ซึ่งล้วนสะท้อนภาพเศรษฐกิจระยะสั้นของสหรัฐฯที่อ่อนแอลง อาจกดดันในเชิง sentiment ในระยะสั้นได้
เกาะติดงบกลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้ : แม้ว่าภาพรวมกำไรของหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐฯที่ทยอยออกมาดูไม่ดีนัก (เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป) เพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารไทย ที่จะทยอยออกในสัปดาห์นี้ เราเชื่อว่าจะไม่แย่เหมือนธนาคารต่างประเทศ เนื่องจาก 4Q64 เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่จุดฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ สามารถกลับมาเปิดได้ปกติ โดยเราประเมินกำไรรวมของธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เราวิจัยฯ จะมีกำไรรวมที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY (ทรงตัว QoQ) ซึ่งจะรายงานสัปดาห์นี้เป็นปัจจัยที่น่าจับตา
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ย่อตัว โดยมีความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด โดย SET ปิดที่ 1,672.63 (-7.39 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.2 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,059 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,044 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Future ที่ 3,045 สัญญา)
EYES ON
17 ม.ค. 4Q64 GDP ของจีน
18 ม.ค. Empire Manufacturing
19 ม.ค. ยอดอนุญาตก่อสร้าง US, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน US
20 ม.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดขายบ้านมือสอง US, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ US, ตัวเลข CPI ยูโรโซน
TISCO Financial Group (TISCO TB)
ROE และเงินปันผลสูงสุด
BUY
Share Price THB 99.00
12 m Price Target THB 110.00 (+11%)
Previous Price Target THB 110.00
คาดอัตราเงินปันผลตอบแทน 7-8% ในปี 64-66
ทิสโก้มีแนวโน้มกำไรดีกว่าแบงก์อื่นๆ จาก NPL coverage และความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง โดยทิสโก้จะอาศัยความเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อรถยนต์และการบริหารความมั่งคั่งมาพัฒนาธุรกิจให้เติบโตในปี 65 เราคาดว่าทิสโก้จะคงอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงไว้เพื่อเพิ่ม ROE ขณะที่อัตราส่วน Tier-1 อยู่ที่ 20.2% ในปี 64 เทียบกับ 15% ส่งผลให้สามารถจ่ายเงินปันผลตอบแทนได้ 7- 8% ในปี 64-66 คงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 110 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 2.1 เท่า ROE 17.2%) ความเสี่ยงที่สำคัญคือต้นทุนสินเชื่อที่สูงกว่าคาด
ผลประกอบการและคุณภาพสินทรัพย์ไตรมาส 4/64 ดีมาก
กำไร 4Q64 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY และ 15% QoQ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตแข็งแกร่งจากค่าธรรมเนียมการจัดการสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง กำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 12% YoY เป็น 6.8 พันล้านบาท สินเชื่อลดลง 10% YoY และ 1% QoQ นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อ (-2% QoQ) NIM เพิ่มขึ้น 15bps QoQ เป็น 5.08% ในไตรมาส 4/64 เนื่องจากผลตอบแทนเงินกู้ที่สูงขึ้นและต้นทุนเงินทุนที่ลดลง คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นอย่างมาก อัตราส่วน NPL ลดลง 54bp QoQ เป็น 2.44% ในขณะที่สินเชื่อระยะที่ 2 ลดลง 9% QoQ เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท TISCO ตั้งสำรอง 408 ลบ. หรือต้นทุนเครดิต 0.8% ในไตรมาส 4/64 การตั้งสำรองปี 64 ลดลง 38% YoY เป็น 2.1 พันล้านบาทหรือต้นทุนเครดิต 96bp เทียบกับ 142bp ในปี 63
ผบห. คาดอุปสงค์สินเชื่อฟื้นตัวในปี 65
CFO ตั้งเป้าความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวจาก -10% ในปี 64 เป็นเติบโต 3-5% ในปี 65 (ประมาณการของเราที่ +2%) นำโดยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ซึ่งจะทำให้ NIM เพิ่มขึ้นในปี 65 จากผลตอบแทนเงินกู้ที่สูงขึ้นและต้นทุนกองทุนที่มีเสถียรภาพ แม้ว่าค่าธรรมเนียมธนาคารจะเพิ่มขึ้น YoY ตามการเติบโตของสินเชื่อที่สูงขึ้น แต่ non-nii ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นในปี 65 เนื่องจากผลกระทบจากฐานที่สูงของรายได้จากการซื้อขายสุทธิและค่าธรรมเนียมการดำเนินการจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ในปี 64 โดยรวม เราคาดการณ์ว่ารายรับรวมจะทรงตัว YoY ในปี 65
คาดต้นทุนสินเชื่อลดลงอีก
ผู้บริหารย้ำว่าคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นดีกว่าที่คาดไว้และสำรองหนี้เสียในปัจจุบันมีมากเกินพอเนื่องจาก NPL coverage ที่ 237% ในปี 64 เราคาดว่าต้นทุนสินเชื่อจะลดลงอีกเป็น 60bp ในปี 65 จาก 96-142bp ในสองปีที่ผ่านมา ด้านความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ หาก ธปท. กำหนดอัตราดอกเบี้ย HP สำหรับรถจักรยานยนต์ที่ 20-25% ทิสโก้จะต้องให้ชำระเงินดาวน์อย่างน้อย 20% เพื่อลดความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า ปัจจุบัน TISCO มีเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 4.9 พันล้านบาท (2.5% ของสินเชื่อทั้งหมด) โดยมีผลตอบแทนสินเชื่อประมาณ 30%
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ