- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 January 2022 23:54
- Hits: 12243
บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 12-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 12 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งแดนบวก :
จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้
วันนี้คาด SET แกว่งแดนบวก ในกรอบแนวรับ 1,660 จุด และแนวต้าน 1,680 จุด เน้นหุ้นกำไรเติบโตดี โดย ATO Picks แนะนำ “TOP, HMPRO”
TOP
คาดแนวโน้มกำไรปกติ 4Q64 แข็งแกร่ง สะท้อนจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้นตามความต้องการตลาดโลกที่สูงหลังการคลายล็อกดาวน์ทั่วโลก และคาดปี 65 ธุรกิจยังมีแนวโน้มที่ดี จากความต้องการที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่อุปทานยังขึ้นช้ากว่า หนุน spread ยังมีแนวโน้มปรับขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 64 บาท
HMPRO
คาดกำไร 4Q64 ที่ 1,634 ล้านบาท (+88% QoQ และ +6% YoY) แข็งแกร่งจาก SSSG พลิกมาเป็นบวก และคาดกำไรปี 65 จะกลับไปสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดและเป็น new high จากการที่ยอดขายและอัตรากำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งรายได้ค่าเช่าจะฟื้นตัวสูงเร่งกำไรรวมเติบโตเด่น +18%YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.3 บาท
INVESTMENT THEME
โพเวลยังมั่นใจการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ : จากถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา ก่อนการรับรองแต่งตั้งให้โพเวลดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯเป็นสมัยที่ 2 โดยใจความหลักพบว่ามุมมองของโพเวล ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ขยายตัวขึ้นเร็ว ส่งผลให้เกิดภาวะที่ไม่สมดุลในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายได้ ดังนั้น FED พร้อมจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายทุกอย่างเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมากกว่าคาดได้ แต่เชื่อว่าการดำเนินนโยบายต่างๆ จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและภาคแรงงาน ช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง จะเห็นได้ว่าถ้อยแถลงดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของตลาด อิงจาก FedWatch Tool ที่คาดสหรัฐฯปีนี้มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง เริ่ม มี.ค. สะท้อนตลาดซึมซับปัจจัยนี้ไปในระดับหนึ่งแล้ว
จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้ : ชนวนสำคัญของความผันผวนในช่วงนี้ ยังคงมาจากทิศทางเงินเฟ้อทั่วโลกที่เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หนุนโอกาสที่ธนาคารกลางทั่วโลกจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น (ขึ้นดอกเบี้ย & ลดงบดุล) ดังนั้นแนะติดตามดัชนี CPI ของสหรัฐฯคืนนี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สำคัญสะท้อนสถานการณ์เงินเฟ้อ โดยตลาดคาด +7%YoY เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. ที่ +6.8%YoY
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งขึ้น แรงซื้อในกลุ่ม ICT พลังงาน และอิเล็กทรอนิกส์ โดย SET ปิดที่ 1,667.12 (+10.03 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,534 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 54 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Future ที่ 19,614 สัญญา)
EYES ON
เข้าสู่ช่วงการรายงานงบ 4Q64
12 ม.ค. China CPI, US CPI, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดห์ US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน
13 ม.ค.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย, US PPI, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
14 ม.ค. ยอดค้าปลีก US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม US, ดัชนีความเชื่อมั่น US, ดุลการค้าจีน
Home Prod Ctr (HMPRO)
อยู่บนเส้นทางการฟื้นตัว
BUY
Share Price THB 14.60
12 m Price Target THB 16.50 (+13%)
Previous Price Target THB 16.50
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 4Q64 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ QoQ และกลับมาเติบโต YoY ด้วย เนื่องจาก SSSG พลิกมาเป็นบวก เราคาดว่ากำไรปี 2565 จะกลับไปสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดและเป็น new high จากการที่ยอดขายและอัตรากำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งรายได้ค่าเช่าซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวสูงยังช่วยเร่งให้กำไรของ HMPRO กลับมาเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 16.50 บาท
คาดกำไร 4Q64 เพิ่ม 88% QoQ และ 6% YoY
จากการคลายล็อกดาวน์และการจัด HomePro Super Expo ทุกสาขาคาดว่าจะทำให้ SSSG ของโฮมโปรใน 4Q64 ฟื้นเป็น +14% (จาก -11% ใน 3Q64 และ -6.3% ใน 4Q63) ขณะที่ SSSG ของเมกาโฮมพลิกจากติดลบเป็น +5% และสาขามาเลเซียติดลบน้อยลงมาเป็น -13% เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการปรับราคาขายสินค้าบางส่วนและการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง แม้รายได้ค่าเช่ายังไม่กลับสู่ระดับปกติแต่จะฟื้นอย่างมีนัยยะ QoQ จากที่พื้นที่เช่ากลับมาเปิดได้ตามปกติ และส่วนลดค่าเช่าน้อยลงเป็น 10-15% จาก 20% ใน 3Q64 เราคาดกำไรสุทธิ 4Q64 เพิ่มขึ้น 88% QoQ และ 6% YoY เป็น 1,634 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี เราคาดว่าเงินปันผล 2H64 เท่ากับ 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 1.4%
กำไรปี 2565 จะกลับไปสูงกว่าก่อนเกิดโควิดและเป็น new high
การล็อกดาวน์ส่งผลกระทบให้กำไรของบริษัทชะลอมา 2 ปี แต่คาดว่ากำไรปี 2565 จะกลับมาเติบโต 18% เป็น 6,231 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากำไรปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโควิด เนื่องจากยอดขายเติบโตขึ้นตามจำนวนสาขาที่มีมากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ HMPRO จะกลับมาขยายสาขาเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งเปิดสาขาใหม่เพียง 1-2 สาขาต่อปี อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มราคาสินค้า และ การเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand ซึ่งก็ได้ปรับเพิ่มราคาด้วยเช่นกันเพื่อสะท้อนต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น
รายได้ค่าเช่าช่วยเร่งการฟื้นตัวของกำไร
การล็อกดาวน์ยังทำให้เราคาดว่ารายได้ค่าเช่าในปี 2564 จะลดลงเหลือ 1,186 ล้านบาท คิดเป็น 1.9% ของรายได้รวม เทียบกับปี 2562 ที่มีรายได้ค่าเช่า 2,207 ล้านบาทคิดเป็น 3.3% ของรายได้รวม เราจึงคาดว่าในปี 2565 มีโอกาสที่รายได้ค่าเช่าจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากการที่พื้นที่เช่ากลับมาเปิดตามปกติและส่วนลดค่าเช่าต่ำกว่า 10% นอกจากนั้น ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.6-0.7 เท่า ทำให้สามารถกู้ยืมเพื่อขยายสาขาได้ต่อเนื่องรวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่เช่า
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์รอบใหม่ สินค้านำเข้าลดลง ต้นทุนสูงขึ้นอย่างมีนัยยะ
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ