- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 05 January 2022 18:12
- Hits: 15545
บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 5-1-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 05 มกราคม 2565
INVESTMENT STRATEGY
Sideway :
เม็ดเงินต่างชาติยังหนุน
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideway ในกรอบแนวรับ 1,655 จุด และแนวต้าน 1,680 จุด เน้นหุ้นที่แนวโน้มมกำไรเติบโต โดย ATO Picks แนะนำ “JMART, SABINA”
JMART
คาดกำไร 4Q64 จะเติบโตทั้ง QoQ, YoY แรงหนุนจากกำไรบริษัทลูกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง (JMT, SINGER, J) และคาดกำไรปี 65 ยังคงเดินหน้าได้อย่างโดดเด่น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงต้นปีของภาครัฐฯ, บริษัทลูกที่ยังเติบโตได้ดี รวมทั้งการเกิด Synergy กับพาร์เนอร์มากขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท
SABINA
คาดกำไร 4Q64 จะเติบโตทั้ง QoQ, YoY และจะเร่งตัวขึ้นอีก +32%YoY ในปี 2565 โดยบริษัทมีโอกาสทำกำไรกลับไปมากกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด คาดว่าผลประกอบการปี 2565 เนื่องจากยอดขายฟื้นตัวขึ้น และการเน้นช่องทางขายที่มีอัตรากำไรสูง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.5 บาท
INVESTMENT THEME
ภาคการผลิตจีนดีกว่าคาด แต่สหรัฐฯต่ำคาด : ดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตของจีน เดือน ธันวาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 จุด จาก 49.9 จุด และดีกว่าคาดที่ 50.0 จุด บ่งชี้เศรษฐกิจจีนเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ส่วนทางด้านสหรัฐฯ
รายงานตัวเลข ISM ภาคการผลิต ที่ระดับ 58.7 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 61.1 จุด และต่ำกว่าคาดที่ 60.0 จุดOPEC+ เพิ่มกำลังผลิตตามคาด : ราคาน้ำมันดิบโลกตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุม OPEC+ ที่มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นไปตามคาด สอดคล้องกับมุมมอง OPEC ในช่วงก่อนหน้าที่จะค่อยๆเพิ่มกำลังผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในทุกๆเดือนจนถึง เม.ย. 65
ต่างชาติซื้อสุทธิ 9 วันติดต่อกัน : ภาพระยะสั้นของตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งขึ้น โดยได้แรงหนุนหลักจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าไทยต่อเนื่อง โดยล่าสุดต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่อง 9 วันทำการติดต่อกัน โดยมีปริมาณการซื้อสุทธิรวมกว่า 29,174 ล้านบาท โดยคาดเม็ดเงินต่างชาติยังมีโอกาสไหลเข้า สอดรับกับภาพเศรษฐกิจไทยปี 65 ที่ขยายตัว แม้ว่าระยะสั้นอาจจะมีประเด็นความกังวลจากการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ที่แพร่กระจายได้ง่าย แต่ก็เชื่อว่าจะไม่รุนแรงจนนำไปสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์ ดังนั้นผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะจำกัด
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ปิดบวกขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว หนุน Flow ไหลเข้า โดย SET ปิดที่ 1,640.28 (+12.66 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.0 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 6,048 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,179 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Future ที่ 18,026 สัญญา)
EYES ON
4 ม.ค. PMI ภาคการผลิตของไทย, Caixin PMI ภาคการผลิตจีน, ISM ภาคการผลิตของ US
5 ม.ค. ดัชนีเงินเฟ้อไทย, การจ้างงานภาคเอกชน US จาก ADP, PMI ภาคบริการของ US และยูโรโซน, สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์
6 ม.ค. ดุลการค้าสหรัฐฯ, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US, ISM ภาคบริการของ US, Caixin PMI ภาคบริการจีน
Sabina (SABINA)
ฟื้นตัวเร็วหลังคลายล็อกดาวน์
BUY
Share Price THB 20.10
12 m Price Target THB 23.50 (+17%)
Previous Price Target THB 23.50
ประเด็นการลงทุน
SABINA เป็นหนึ่งในบริษัทที่ฟื้นตัวหลังจากคลายล็อกดาวน์ ยอดขายทางสาขาเพิ่มขึ้นชัดเจนเมื่อสาขากลับมาเปิด ขณะที่ยอดขายทาง NSR ยังดีต่อเนื่อง ประกอบกับการเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงและการบริหารจัดการด้านการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้น เราคาดว่ากำไร 4Q64 เติบโตทั้ง QoQ, YoY และจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะในปี 2565 โดยบริษัทมีโอกาสทำกำไรกลับไปมากกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 23.50 บาท
ยอดขายฟื้นชัดเจนหลังคลายล็อกดาวน์
ยอดขายทางสาขาฟื้นตัวชัดเจนใน 4Q64 หลังจากการคลายล็อกดาวน์ซึ่งทำให้จุดขายที่ปิดสามารถกลับมาเปิดขายได้ตามปกติ อีกทั้งใช้กลยุทธ์การตั้งราคาขายและการออกแคมเปญ “ซาบีน่าฟองดี” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากต่อจากแคมเปญ “ดีที่ราคา” ซึ่งออกมาใน 3Q64 ขณะที่ยอดขายทาง NSR ยังคงแข็งแกร่งโดยได้ผลบวกจากแคมเปญ 11.11 และ 12.12 รวมทั้งการใช้ Digital marketing ที่มีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มค้าเป้าหมาย ส่วนยอดขาย OEM ที่เป็นสินค้ารับจ้างผลิตเพื่อส่งออกไปอังกฤษและยุโรปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยมี Backlog ถึงปลายเดือน ก.พ. โดย SABINA ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากการที่โรงงานขนาดเล็กรายอื่นต้องปิดตัวไปจากผลกระทบของโควิด
อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเน้นสินค้าอัตรากำไรสูงและลดต้นทุนผลิต
แม้มีการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง แต่อัตรากำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนยอดขายทาง NSR ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการขายทางสาขา ขณะที่ยอดขายทาง OEM มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเลือกลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าที่มีอัตรากำไรดี ส่วนในด้านการผลิตสินค้าก็มีการบริหารจัดการที่ดีด้วยการจ้างผลิตสินค้าส่วนหนึ่งจากทั้งโรงงานในประเทศและต่างประเทศทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าการผลิตเอง อีกทั้งในช่วง 9M64 จำนวนพนักงานลดลง 10% YTD ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดลง
คาดกำไร 4Q64 เพิ่มทั้ง QoQ, YoY และฟื้นตัวสูงในปี 2565
เราประเมินว่ากำไร 4Q64 เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY อีกทั้งคาดว่ากำไรปี 2565 จะเติบโต 32% ผู้บริหารคาดว่าผลประกอบการปี 2565 จะกลับไปสู่กว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด เนื่องจากยอดขายฟื้นตัวขึ้น และการเน้นช่องทางขายที่มีอัตรากำไรสูง ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ของผู้บริหาร ก็จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ ต้นทุนผลิตสูงขึ้น การนำเข้าสินค้าประสบปัญหา
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ