- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 November 2014 16:08
- Hits: 1814
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ปัจจัยต่างประเทศพลิกบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : วานนี้ค่อนข้าง surprise ตลาดหุ้นไทยไปได้ไกลถึง 12.20 จุด ปิดที่ 1581.27 เนื่องจากดูแล้วขาดปัจจัยกระตุ้น มแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ กระจายไปที่กลุ่ม พลังงาน รับเหมาฯ สื่อสารและขนส่ง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซา มีเพียงข่าวบวก ECB ที่จะใช้ QEต่อไป นักลงทุนสถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และต่างชาติซื้อสุทธิ สำหรับวันนี้ปัจจัยต่างประเทศกลับมาเป็นใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางฟากยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันและฟากสหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจสดใส จึงอาจมี momentum ให้ SET ไปต่อได้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศไม่มีอะไรเด่น ยกเว้น ตลาดรอดูมาตรการสกัดหุ้นร้อน และจะเริ่มใช้ภาษีมรดก ส่วนเรื่องบวกเดิมๆคือ ตลาดยังมีความหวังกับแรงซื้อของกองทุน LTF ในช่วง 1-2เดือนสุดท้ายของปี และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ & กำไรบจ.ในปี 58 นอกจากนั้น Valuation ของตลาดหุ้นไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ก็พร้อมที่จะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา หลังวานนี้ดัชนีฯปรับขึ้นดี ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง จึงแนะนำว่าการเก็งกำไรไม่ควรหวัง Gap ที่มาก ส่วนการซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาวควรเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ก่อน หุ้นพื้นฐานแนะนำในวันนี้เป็น KBANK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากพลิกเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่จึงยังควรเป็น Follow Buy ด้วยค่าบวก แต่หากเป็นลบดูไม่ค่อยดีเพราะมีสิทธิอ่อนตัวลงต่อไปยังแนวเด้ง 1570, 1560 แต่ถ้ายืนเหนือ SMA10 ได้ก็ลุ้นถือต่อ หุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New highที่ยังอยู่ใน List คือ GENCO, MK หุ้นที่เข้ามาใหม่ เป็น KTB, RATCH และ KTIS หุ้นที่หลุด List ไม่มี ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือBCP, RS, TICON, EFORL และ SITHAI
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
+สหรัฐ: ดัชนีราคาผู้ผลิตดีกว่าคาด ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง0.1% เนื่องจากราคาบริการและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ถ่วงราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
+สหรัฐ: ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยแข็งแกร่ง ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐปรับตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 58 ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากสถิติเมื่อปี 2548 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 56 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งได้ช่วยหนุนยอดขาย
+ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นครั้งแรกปีนี้ ZEW ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้นแตะ 11.5 จาก -3.6 ในเดือนต.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2556 และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะที่ 0.5
+เยอรมัน: เศรษฐกิจอาจเริ่มพลิกฟื้น มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจเริ่มพลิกฟื้นขึ้น หลังจากที่ถูกปกคลุมด้วยความวิตกมาหลายเดือนอย่างไรก็ตาม ZEW เตือนว่า เศรษฐกิจยังเปราะบางและไม่แน่นอน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีสามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในไตรมาส 3 โดยปรับตัวขึ้น 0.1% เพราะได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชน (หลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์คือ KCE เพราะส่งออกชิ้นส่วน PCBสำหรับยานยนต์ไปเยอรมันเป็นจำนวนมาก)
+/- ญี่ปุ่น:ประกาศยุบสภา เลื่อนการใช้ภาษีปีหน้า นายกรัฐมนตรีชินโสะอาเบะ ของญี่ปุ่น ได้ประกาศเลื่อนการปรับขึ้นภาษีการบริโภคออกไปอีก 18เดือน จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะขึ้นภาษีรอบที่ 2 ในเดือนต.ค. 2558 อันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวลงในไตรมาส 3
+ดาวโจนส์: เพิ่มหลังตัวเลขเศรษฐกิจสดใสและญี่ปุ่นเลื่อนใช้ภาษี ดาวโจนส์ปิดที่ 17,687.82 จุด เพิ่มขึ้น 40.07 จุด หรือ +0.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,702.44 จุด เพิ่มขึ้น 31.44 จุด หรือ +0.67% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,051.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.48 จุด หรือ +0.51%
-น้ำมัน: กังวลโอเป็คไม่ปรับลดเพดานการผลิต จะมีการประชุม 27 พ.ย.นี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.61ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 84 เซนต์ปิดที่ 78.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI): บวกได้ต่อ วานนี้เพิ่ม 32 จุดหรือ 2.53% ปิดที่1,296 จุด
+ทองคำ: ทะยานหลังดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ตลาดทองคำ COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 1.15%ปิดที่ 1,197.1 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
-ตลาดหลักทรัพย์ฯ: จับตามาตรการเกณฑ์คุมหุ้นร้อน จะมีการประชุมวันนี้ ผู้จัดการตลาด MAI เห็นว่ามาตรการอาจกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดฯบ้างแต่ไม่รุนแรง ขณะที่ P/E ของตลาด MAI ยังสูง กว่าจะกลับสู่ภาวะปกติอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี ขณะที่มีคาดการณ์กันว่าการใช้เกณฑ์แคช บาลานซ์ จะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่เกณฑ์มีความเข้มงวดมากขึ้น ตามที่ก.ล.ต.จะมีการเปลี่ยนแปลงในปลายเดือนนี้ล่วงหน้าไปแล้ว หรืออาจจะมีการยืดอายุการติดให้ยาวนานขึ้น
-/•ภาษีมรดกมีผลบังคับใช้อีก 6 เดือนข้างหน้า ครม.ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดกแล้ว "ประยุทธ์" ลั่นอีก 6 เดือนมีผลบังคับใช้ วอนอย่าแพนิก ด้านคลังระบุเก็บจากผู้รับมรดกอัตรา 10% ของมรดกที่เกินกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไปหุ้น พันธบัตร รถยนต์ เงินสดในบัญชีธนาคาร โดนเก็บเรียบ ยกเว้นทองคำและอัญมณี เราเห็นว่าอาจมีแนวคิดการขายหุ้นออกมาแล้วเปลี่ยนรูปสินทรัพย์ไปถือทองคำ อัญมณีและพระเครื่องแทน แต่คาดว่าจะมีผลกระทบน้อย เพราะสินทรัพย์ที่จะเปลี่ยนไปถือเช่น ทองคำราคาผันผวน ส่วนอัญมณีและพระเครื่องก็มีสภาพคล่องน้อย
+LPN: EIA ลุมพินีทาวน์ชิพ รังสิต ผ่านฉลุย หลังล่าช้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงมีผลบวกทำให้การรับรู้รายได้โครงการนี้ไม่สะดุด คาดการณ์กำไรสุทธิปี 58 จะเติบโตก้าวกระโดดถึง 56% ถือว่าสูงสุดใสกลุ่มที่อยู่อาศัย และขยายตัวต่อ13% ในปี 59 (โครงการได้ก่อสร้างไปบางส่วน และเฟสแรกมียอดขายแล้ว54% บริษัทเปิดขายโครงการอย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังผ่าน EIA โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและพร้อมโอนในกลางปี 58) เราแนะนำซื้อ LPN โดยให้ราคาพื้นฐาน 26 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 12 เท่า
+ITD: เก็งกำไรข่าวประมูลรถไฟและเหมืองโปรแตช วานนี้มีข่าว่ารมว.คมนาคมจะเสนอโครงการรถไฟทางคู่เส้นทาง 3 เส้นทาง ทั้งสายกรุงเทพ-หนองคาย กรุงเทพ-มาบตาพุด และแยกที่แก่งคอย จ.สระบุรี ให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบเพื่อดำเนินการเชื่อมเส้นทางการค้าจากจีนผ่านลาวมายังไทย รวมทั้งข่าวการขอใบอนุญาตสภาพแวดล้อม (EIA) เหมืองโปรแตช ใกล้จะได้รับแล้วจะทำให้ ITD มีกำไรมาก ฝ่ายวิจัยฯ ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ แต่จาก IAAConsensus ราคาพื้นฐานเฉลี่ย 6.79 บาท สูงสุด 8.50 บาท ต่ำสุด 5.25 บาทจากการสำรวจโบรกเกอร์ 6 ราย แนะนำ ซื้อ 4 ราย ขาย 2 ราย
+TUF: ยังน่าสนใจจากเรื่องการแตกพาร์ แรงกระตุ้นราคาหุ้นที่ดีต่อไปคือบริษัทประกาศปรับลดพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.25 บาท หากใช้ราคาปิดวานนี้ที่84.75 บาท ราคาหุ้นจะลดลงเหลือเพียง 21.19 บาท โดยจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 24 ธ.ค.57 และจะเริ่มใช้พาร์ใหม่ได้ประมาณ 30 ธ.ค.57 ขณะที่พื้นฐานTUF แข็งแกร่ง แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 88.00 บาท แต่ upside เริ่มจำกัด
• HEMRAJ: คาดหากราคาหุ้นตกมากจะมีแรงซื้อกลับ หลังตลาดฯอนุมัติให้กลับมาซื้อขายได้วานนี้ เพราะชี้แจงข่าว WHA จะทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ที่ราคา 4.50 บาท ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงมายืนที่ 4.36 บาท ห่างจากราคาเทนเดอร์ฯ 3.2% แต่เนื่องจากการทำเทนเดอร์ฯจะเริ่มได้ประมาณหลัง 1Q58 หากสมมุติว่าใช้เวลา 6 เดือนจากนี้ อัตราผลตอบแทนจากการถือเพื่อรอทำเทนเดอร์ฯต่อปีจะสูงเป็น 6.4% ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ส่วนความเสี่ยงคือ WHA ซื้อหุ้น HEMRAJ ได้ต่ำกว่า 50% ดีลนี้จะไม่สำเร็จก็จะยกเลิกการทำเทนเดอร์ฯ
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835 [email protected]