- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 November 2014 15:55
- Hits: 1594
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +40.07, NASDAQ +31.44, S&P +10.48, FTSE +37.16, CAC +36.28 และ DAX +150.18 ภายใต้ปัจจัยหนุนจาก (1) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - ตค. เพิ่มขึ้น 0.2%MoM สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.1% และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย – พย. อยู่ที่ระดับ 58 ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากสถิติเมื่อปี’48 และมากกว่าที่คาดว่าจะอยู่ 56 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งได้ช่วยหนุนยอดขาย และ (2) ประเด็นที่ญี่ปุ่นได้ตัดสินใจเลื่อนการปรับขึ้นภาษีการบริโภคออกไปอีก 18 เดือน จากเดิมที่จะขึ้นภาษีรอบที่ 2 ในเดือนตค.’58 ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวลงใน 3Q/57
…..ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจ – พย. อยู่ที่ 11.5 เพิ่มจาก -3.6 เมื่อตค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับแต่ธค.’ 56 และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธค. -US$1.03 อยู่ที่ US$74.61 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยกดดันจาก (1) การคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจจะไม่ปรับลดเพดานการผลิตในการประชุมเดือนนี้ (27/11/57) และ (2) ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการหดตัวลงของเศรษฐกิจญี่ปุ่น
....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$13.6 อยู่ที่ US$1,197.1 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,428 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -13,218 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : Sideway Up? ภายใต้ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาดี และความคาดหวังว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินมากขึ้น หลังเศรษฐกิจใน 3Q/57 หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน รวมถึง ECB ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยผลการประชุมเฟด (28-19/10/57) ในสัปดาห์นี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่?
…..ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกจากประเด็น Fund Flow หลังล่าสุดมีแรงซื้อสุทธิกว่า 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้มีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลัง GDP – 3Q/57 เติบโตต่ำกว่าคาด
.....โดยยังแนะติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับวงเงินลงทุนกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 8 ปี (ปี’ 58 – 65) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะสรุปในเดือน พ.ย. หลัง (21/10/57) ครม. อนุมัติแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – ’65 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว ขณะที่ล่าสุดวานนี้ (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีน ด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59
....นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.32% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.13 อยู่ที่ 13.86
หุ้นแนะนำ : KBANK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (19 - 21 พย.’57)
19/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง - ตค. (2) สต็อกน้ำมัน
20/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) - ตค. (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (3) ยอดขายบ้านมือสอง - ตค. (4) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้น - พย. (5) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ - ตค. (6) ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - พย.
21/11/57 : ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788