WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 3-12-2021เมย์แบงก์

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 3 ธันวาคม 2564

INVESTMENT STRATEGY

ทดสอบ 1600:

OPEC+ ยังเพิ่มกำลังการผลิต

วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจฟื้น โดย ATO Picks แนะนำ “KBANK, DOHOME”

KBANK

คาดกำไรปี 65 เติบโต 16.4% สู่ระดับ 3.8 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการทยอยเปิดประเทศ โดย NIM และการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้น และ Credit cost ลดลง คาด ROE 9.3% และปัจจุบัน Valuation เทรดเพียง PBV 0.63x

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 170 บาท

DOHOME

คาดกำไร 4Q64 ฟื้นตัว QoQ และเติบโตสูง YoY จากสาขากลับมาเปิดได้ทั้งหมด โดย SSSG เดือน ต.ค. เป็นบวกเกิน 30% ประกอบกับความต้องการซื้อสินค้าซ่อมแซมบ้านเพิ่มขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY จากฐานที่ยังไม่สูงในปีก่อน และประสิทธิภาพการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27.5 บาท

INVESTMENT THEME

ภาคแรงงานสหรัฐฯดีกว่าคาด : สหรัฐฯรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์แม้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.94 แสนตำแหน่ง มาที่ 2.22 แสนตำแหน่ง แต่ก็ถือว่าตัวเลขที่ออกมา ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.4 แสนตำแหน่ง สะท้อนภาคแรงงานของสหรัฐฯยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยคืนนี้แนะติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ประจำเดือนพฤศจิกายน คาดเพิ่มขึ้น 5.46 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.31 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานที่มีโอกาสปรับลดลงสู่ระดับ 4.5% จากเดือนก่อนที่ 4.6%

OPEC+ ยังเดินหน้าขึ้นกำลังการผลิต : บทสรุปของการประชุม OPEC+ ในคืนที่ผ่านมา มีมติเดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ม.ค. ตามแผนเดิม แต่อย่างไรก็ดีก็ยังเปิดโอกาสที่จะกลับมาพิจารณาอีกครั้งหากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน กดดันความต้องการน้ำมันที่มากกว่าคาด โดยหลังจากผลการประชุม ตลาดน้ำมันดิบโลกแกว่งผันผวนมาก โดย Brent ย่อตัวในช่วงแรกต่ำสุดบริเวณ 66 เหรียญ แต่ก็มีแรงดีดกลับมาปิดที่ 69.67 เหรียญ (+1.1%) เราประเมินราคาน้ำมันดิบระยะสั้นจะแกว่งในกรอบ 67-73 เหรียญ ส่วนทิศทางหุ้นกลุ่มพลังงานคาดยังคงแกว่งรอผลกระทบจากโอไมครอน เช่นกัน ซึ่งทาง OPEC อาจจะมีการตัดสินใจเพิ่มเติมในช่วงถัดไป

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET ย่อก่อนฟื้นตัว โดยมีแรงซื้อกลับในกลุ่มของพลังงาน สื่อสาร และโรงพยาบาล โดย SET ปิดที่ 1,591.84 (+1.03 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.4 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,476 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 495 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Future ที่ 11,197 สัญญา)

EYES ON

3 ธ.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร US , PMI ภาคบริการ US และยูโรโซน, ISM ภาคบริการ US, ดัชนี CPI ของ US

TPI Polene Power PCL (TPIPP)

4Q64 จะไม่เด่น รอโครงการสำคัญ

BUY

Share Price                 THB 4.14

12 m Price Target       THB 4.60 (+11%)

Previous Price Target THB 4.70

ประเด็นการลงทุน

แนวโน้มกำไร4Q64จะไม่เด่นต่อจากต้นทุนถ่านหินสูง ปี 2565 ขาย RDF และ ค่ากำจัดขยะติดเชื้อเข้ามาเสริม ช่วยบรรเทาadderทยอยหมดอายุบางส่วน ลงทุนRDFเพิม ปี2568 ตั้งเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว100% จะเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะเพิ่ม ปี2568ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น582MW จากปัจจุบัน440MW โครงการ SEZ มีความล่าช้าแต่ก็ค่อยๆคืบหน้า ระยะสั้นราคาหุ้นมีแนวโน้มจะไม่สดใส เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยหนุนที่เด่นชัด แต่จากราคาหุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ ปันผลดี เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย ด้วยวิธี DCF (8.4% WACC , 2.3% LTG) ได้เท่ากับ 4.6 บาท ลดลงจาก 4.7 บาท จากประมาณการที่ปรับลดลง              

4Q64 จะไม่เด่นต่อ ปรับประมาณการลดลง

แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 จะถูกกระทบต่อเนื่องจากต้นทุนถ่านหินสูงล็อตใหม่ที่สูงขึ้น ทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหิน TG8 150MW เลือกขายไฟเฉพาะช่วง Peak ซึ่งได้ราคาสูงกว่าช่วง Off-Peak 2 บาท แต่จะได้แรงหนุนจากขาย RDF ให้ TPIPL และ นำ RDF มาใช้แทนถ่านหินประมาณ 10-15% ส่วนโรงไฟฟ้าที่ขายไฟให้ กฟผ. TG3 18MW, TG5 55MW และ TG4+6 90MW ยังเดินเต็มกำลังการผลิต รวมแล้วเบื้องต้นเราคาดกำไร 4Q64 จะไม่เด่นต่อประมาณ 1,000 ล้านบาท (+6%QoQ, -14%YoY) เราปรับประมาณการลงเล็กน้อย 5% คาดกำไรปีนี้ 4,192 ล้านบาท ลดลง 7%  

ปี 2565 ขาย RDF และ ค่ากำจัดขยะติดเชื้อ ช่วยบรรเทา adder ทยอยหมดอายุ

ปี 2565 โรงไฟฟ้าที่ได้ adder 3.50 บาท จะทยอยหมดอายุ คือ TG3 18MW (จาก163MW) เดือน ก.พ. และ TG5 55MW เดือน ก.ย. แต่ยังขายไฟได้ต่อที่ราคาฐาน คาด EBITDA จะหายไปประมาณ 800-900 ล้านบาท แต่จะได้รายได้เข้ามาช่วยบรรเทาผลกระทบ คือ ขาย RDF ให้ TPIPL 650 ล้านบาทต่อปี และ TPIPP ยังได้ใบอนุญาติในการเผาขยะติดเชื้อจากกรมโรงานเริ่มรับรู้ 18 ต.ค.64 คาดจะมีขยะติดเชื้อเข้ามาป้อนวันละประมาณ 100 ตัน ซึ่งรองรับได้ถึง 350 ตัน ค่าเผาขยะตันละ 5,000 บาท จะช่วยเพิ่มรายได้ 180-630 ล้านบาทต่อปี ปี 2565 เราคาดกำไร 3,571 ล้านบาท ลดลง 15%  

ปี2568 ตั้งเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว 100%

ปี2568 TPIPP ตั้งเป้าหมาย จะเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว 100% จากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าถ่านหิน 220 MW (TG7 70MW และ TG8 150MW) จากกำลังการผลิตรวม 440MW คิดเป็นสัดส่วน 50% โดยมีแผนจะลงทุนโรงงาน RDF ที่ 3 เพิ่ม 5 สายการผลิต 1,000 ล้านบาท ลงทุน Boiler B8 2,500 ล้านบาท และ B6 800 ล้านบาท ที่จะใช้ RDF ทดแทนถ่านหิน รวมลงทุนทั้งหมด 4,300 ล้านบาท โดยปี 2566 โรงไฟฟ้าถ่านหินจะลดลงเหลือ 150MW จากกำลังการผลิตรวม 464 MW หรือ คิดเป็นสัดส่วน 32% และ ปี 2568 โรงไฟฟ้าถ่านหินจะลดลงเหลือ ศูนย์ จากกำลังการผลิตรวม 582MW  

Surachai Pramualcharoenkit

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1470

Jubilee Enterprise (JUBILE)

ปีที่ท้าทาย 2565 ยังรออยู่

BUY

Share Price                 THB 23.80

12 m Price Target       THB 25.00 (+5%)

Previous Price Target THB 31.25

ประเด็นการลงทุน

เราลดน้ำหนักจาก ซื้อ เป็น ซื้อเก็งกำไรราคาเหมาะสม roll-over ไปปี 2565 ที่ 25.00 บาท/ หุ้น เนื่องจากแม้แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 คาดจะฟื้นต่อได้แรงถึง +126.9% QoQ ซึ่งจะช่วยทำให้ภาพกำไรปี 2564 จะหดตัว -29.9% YoY เหลือ 187 ลบ. แต่ทว่าแนวโน้มกำไรปี 2565 เราคาดจะฟื้นตัว และเติบโตได้ราว +36.2% YoY เป็น 225 ลบ. ซึ่งเมื่ออิงไปกับค่า P/E เฉลี่ย 5 ปีในอดีตของบริษัทจะพบว่า upside จากราคาเหมาะสมจะเหลือจำกัดแล้ว

ไตรมาส 4 เป็นจุดเริ่มการฟื้นตัวต่อไปยังปี 2565

หลังรายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ได้อย่างยอดเยี่ยม 30 ลบ. +14.5% QoQ ในไตรมาสที่ยากที่สุดจากการมีล๊อคดาวน์กว่า 50 วันระหว่างไตรมาส จน JUBILE ต้องปิดสาขาชั่วคราวไปกว่า 60% และถึงแม้กำไรจะต่ำกว่าปีก่อน -68.4% YoY จากฐานกำไรที่สูง 96 ลบ. ปีก่อนซึ่ง JUBILE เลื่อนงานอีเว้นท์ขายเพชรกลางปี 2563 ไปจัดใน 3Q63 ขณะที่ 3Q64 ก็ไม่สามารถจัดงานขายสินค้าได้จากประเด็น COVID-19 แต่ผู้บริหารมั่นใจว่าใน 4Q64 จะเห็นการฟื้นตัวแรงได้ต่อ ผลักดันจาก (1) จากการทยอยกลับมาเปิดห้างฯแล้วตั้งแต่ ก.ย. ทำให้สาขาทั้ง 126 จะกลับมาทำรายได้ (2) จะมีการจัดอีเว้นท์ขายเพชรอีกราว 2 ครั้งในไตรมาสเดียว ช่วยเร่งรายได้ได้อย่างมีนัยสำคัญ (3) หน่วย Online คาดจะยังทำงานได้ดี โดยปัจจุบันมีสัดส่วน 6% ของยอดขาย เทียบกับปีก่อนที่ 3-4% โดยในเบื้องต้นเราคาดกำไร 4Q64 ที่ 69 ลบ. +126.9% QoQ และ ยังหดตัว -23.7% YoY

กลับมาขยายสาขา พร้อมศึกษากระแส Crypto currency และ NFT

ในปี 2565 ผบห.เผยว่าจะเริ่มกลับมาขยายสาขาอีกครั้ง โดยเราตั้งสมมติฐานไว้ที่ 2 แห่ง นอกจากนั้น ผบห.เผยว่า ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการนำ Crypto currency หรือ NFT มาร่วมทำการตลาดอีกด้วย อย่างไรก็ดีการแพร่ระบาด และล๊อคดาวน์เหนือความคาดหมายระหว่างปี 2564 ทำให้เราต้องปรับประมาณการกำไรปี 2564-65-66 ลง 40-24-24% ตามลำดับ ทำให้ภาพปี 2565 คาดกำไร 225 ลบ. ฟื้นตัวราว +36.2% YoY

ทว่าอัพไซด์จำกัด จึงลดน้ำหนักเป็น ซื้อเก็งกำไร

การปรับปรุงประมาณการนี้ ทำให้เมื่ออิงกับ P/E เฉลี่ย 5 ปีที่ 17.3x ของบริษัท จะทำให้ราคาเหมาะสม roll-over ไปปี 2565 จะอยู่ที่ 25.00 บาท/ หุ้น ปรับลดลงจากก่อนหน้า 20% คงเหลือ upside ไม่มากนัก 5% สะท้อนความคาดหวังการฟื้นตัวแล้ว เราจึงลดน้ำหนักจาก ซื้อ เป็น ซื้อเก็งกำไร

Jaroonpan Wattanawong

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1404

Synnex (Thailand) (SYNEX)

เติบโตแต่ตึงตัว

HOLD

Share Price                 THB 31.00

12 m Price Target       THB 31.00 (+0%)

Previous Price Target THB 25.40

ประเด็นการลงทุน

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น +20% ในรอบหนึ่งเดือน ได้สะท้อนภาพกำไร 3Q64 ที่ทำได้ดีในช่วงปิดเมืองก่อนเข้าสู่ 4Q64 ที่เป็นไฮซีซั่นที่มีโอกาสทำ All time high สิ่งที่ตลาดรอติดตามและคาดหวังต่อ SYNEX คือ การเปลี่ยนโครงสร้างจากธุรกิจค้าส่งหลัก (IT Distributor) ไปสู่ผู้สร้าง IT Ecosystem ทำให้ความสามารถในการเติบโต-ทำกำไรเปลี่ยนอย่างมีนัย รอติดตามความสำเร็จในธุรกิจใหม่ที่กำลังสร้าง new S-Curve ให้กับบริษัทใน 3-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ประมาณการกำไรของเราและตลาดมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ

ภาพช่วงที่เหลือของปียังแกร่งตามคาด

ผลประกอบการ 3Q64 มีกำไรสุทธิ 194 ลบ. -8%QoQ,+14%YoY ใกล้เคียงที่เราคาด ตามรายได้ 8.9 พันลบ. +6%QoQ, +20%YoY เติบโตทั้งกลุ่ม Communication ,Commercial Consumer ทั้งหมดในระดับสองหลัก ตามภาพอุปสงค์ที่ยังแข็งแรง และปัญหาอุปทานเบาลงในบางกลุ่ม เช่น โน๊ตบุ๊ค,อุปกรณ์ต่อพ่วง ทำให้ภาพรวม 9M64 คิดเป็น 73% จากที่ประเมินไว้ทั้งปีนี้ 813 ลบ. +27%YoY แนวโน้ม 4Q64 จะสามารถเติบโตได้ทั้ง QoQ,YoY และมีโอกาสทำ All time high ในไตรมาสได้ มาจาก i) กระแสตอบรับที่ดีของสินค้า Apple ที่เปิดตัวใหม่ทั้ง iPhone,iPad รุ่นใหม่ที่เริ่มวางขาย ii) ปัญหาสินค้าขาดตลาดที่ดีขึ้นต่อเนื่องไตรมาส-ไตรมาส

แผนใหม่ที่ต้องติดตามในปี 2565

บริษัทได้เริ่มวางแผนการปรับ Business model ในปีหน้าอย่างชัดเจนมากขึ้นสู่การสร้าง IT Ecosystem ที่ครอบคลุมมากขึ้นทั้ง i) ต้นน้ำ : การจัดหาสินค้าเพื่อผลิตสินค้าแบรนด์ของตนเอง โดยเฉพาะอุปกรณ์เสริมในตลาด Gaming ซึ่งมีอัตราการเติบโตระดับสองหลัก และอัตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ยเดิมมากกว่า 10% ii) กลางน้ำ : การเพิ่มสินค้าในแบรนด์-หมวดใหม่ๆเช่น Software เกมส์ , Cyber security iii) ปลายน้ำ : การขยายในธุรกิจทีเป็น Blue ocean ทั้งการลงทุนใน Startup SWOPMART (แพลตฟอร์มสินค้า IT มือสอง) ที่จะเปิดตัวเป็นทางการในต้นปีหน้า, การรุกธุรกิจ Service center ให้บริการหลังการขายและรับประกัน (On-site)

คงคำแนะนำ ถือ บนราคาเหมาะสม 31.00 บาท

เพื่อสะท้อนธุรกิจหลักยังคงมีอุปสงค์แข็งแรงใน 6-12 เดือนข้างหน้าหนุนผลประกอบการทรงตัวได้ในระดับสูงตามกำไรที่ประเมินว่าจะคาดขยายตัวได้ +6%YoY ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม เราปรับราคาเหมาะสมปี 2565 ขึ้น +20% เท่ากับ 31.00 บาท อิง P/E 30x (5Yr Avg. P/E +2.5SD) โดยไม่รวม Upside risk จากธุรกิจใหม่ยังมีความท้าทายที่ยังต้องทดลองกระแสตอบรับในช่วงต้น ซึ่งควรรอติดตามผลลัพธ์ในช่วง 2H65

Thanatphat Suksrichavalit

[email protected]

(66) 2658 5000 ext 1401

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!