- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 November 2014 16:48
- Hits: 1500
บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
SET ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยวานนี้ ปิดที่ระดับ 1569.07 จุด ลดลง 6.81 จุด มูลค่าการซื้อขายลดลง 4 วันติดต่อกันเหลือ 4.05 หมื่นล้านบาท กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลดลงกดดันตลาด ได้แก่ IMM (-2.2%), อิเล็คทรอนิกส์ (-1.9%), กลุ่ม Personal (-1.7%), อาหาร (-1.2%) ด้านกระแสเงินทุน พอร์ตโบรคเกอร์ซื้อต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 อีก 168 ล้านบาท สวนทางกับกองทุนในประเทศ และต่างชาติที่ขายสุทธิออกมา 760 และ 304 ล้านบาท ตามลำดับ
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
สภาพัฒน์ฯรายงานจีดีพีไทย 3Q57 เติบโตได้เพียง 0.6% จากปีก่อน แม้จะดีขึ้นจาก 2Q57 ที่ขยายตัว 0.4% แต่แย่กว่า Bloomberg consensus ที่คาดจะโตได้ 1% นอกจากนี้ สภาพัฒน์ฯได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้เหลือโตแค่ 1% จากเดิม คาด 1.5-2%
การประชุม ครม. วันนี้ คาดจะมีวาระสำคัญ ได้แก่ การพิจารณาปรับโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการ, ร่าง พ.ร.บ.การยาง, โครงการรถไฟทางคู่ด้วยความร่วมมือกับจีนเงินลงทุนเบื้องต้น 4 แสนลบ. คาดเริ่มก่อสร้างได้ในปี 59, ภาษีมรดก
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ลดการอุดหนุนราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือนและขนส่งลง 0.4673 บาท/กก.เพื่อสะท้อนต้นทุนแท้จริงของตลาด ส่งผลให้ราคาค้าปลีก LPG เพิ่มขึ้น 0.50 บาท/กก.มีผลตั้งแต่วันนี้
หลังการรายงานจีดีพี 3Q57 ที่น่าผิดหวังของญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมราว 3 ล้านล้านเยน รวมถึงการเลื่อนขึ้น VAT ที่เดิมกำหนดไว้ช่วง ต.ค.58 ออกไปราว 18 เดือน ซึ่งน่าจะเพิ่มจีดีพีญี่ปุ่นได้ราว 0.3% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีกำหนดประชุม 19 พ.ย.นี้
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ให้ความเห็นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาในอนาคตอาจรวมไปถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเรามองว่า จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการซื้อ Covered bond ที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
แนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียที่อ่อนแอ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและไทย เป็นความเสี่ยงและปัจจัยกดดันตลาดหุ้น นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญต่อประเด็นมาตรการสกัดความร้อนแรงหุ้นเก็งกำไรที่ ตลท. จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) ซึ่งมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นขนาดเล็กที่ราคาปรับตัวขึ้นสูงมากแล้ว เช่น LHBANK, BMCL, EA กลยุทธ์วันนี้ แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการลงทุนภาครัฐในอนาคต ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นจากการประชุม ครม.วันนี้ ได้แก่ CK, STEC, KTB, SCC
แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ถือหุ้น 10%
เราถือครองหุ้นเหลือ 10% และถือเงินสด 90% โดยจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่ 2 บริษัทคือ HMPRO, และ ADVANC
Accumulate: -- รอสะสมหุ้น
Trading: เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1560 จุด ต่ำกว่า รอ
เปรียบเทียบดัชนี
สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่มวันที่ 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 10% ถือเงินสด 90%
ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +0.4%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.8%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +2.2%
ผลตอบแทนตลาด SET = +16%
พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 5 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% (ส่วนต่างขาดทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -0.7%)
วันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +3.3%)
วันที่ 16 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +5.9%)
วันที่ 24 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 30% เหลือ 20% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +1.7%)
วันที่ 15 ต.ค. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 200% เหลือ 10% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 0%)
รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 4 ครั้งคิดเป็น +10.2%
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130