WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Cabinet Meeting
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดหลุด 1,570 จุดเล็กน้อย มาอยู่ที่ 1,569.07 จุด ลบ 6.81 จุด มูลค่าการซื้อขายชะลอเหลือ 40,451 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติชะลอตัวอีกครั้ง ตลาดหุ้นไทยนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 304 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 490 สัญญา และกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 654 ล้านบาท ส่งสัญญาณเป็นกลางต่อการลงทุนในไทย แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่ำกว่าที่ตลาดคาดก็ตาม
     GDP ใน 3Q57 ไทยเติบโตได้เพียง 0.6% yoy ต่ำกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 1.0% yoy ก็ตาม แต่สัญญาณบวกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ภาคการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว เราเชื่อว่าในโค้งสุดท้ายของปีนี้ การบริโภคภายในประเทศจะดีขึ้นต่อเนื่อง และโดดเด่น ได้รับอานิสงค์จากผลของฤดูกาล เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร / กลุ่มที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็น 2 กลุ่มที่รายงานกำไรใน 3Q57 ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
สำหรับปัจจัยสำคัญวันนี้ ติดตามการประชุม ครม. อาจมีการพิจารณาร่าง MoU โครงการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง รวมถึงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี เป็นตัวแปรการเก็งกำไรที่น่าสนใจ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ยังคงไร้ความโดดเด่น
     เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ในวันนี้ระหว่าง 1,565/1,570 – 1,585 จุด และหากครม.มีการพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่ 2 ออกมาอาจผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,590 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “ทยอยสะสมหุ้น Big Cap ที่เกี่ยวข้องกับ Domestic Play หรือ หุ้นที่Laggard หรือผ่านจุดต่ำสุดของผลประกอบการไปแล้ว”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” KTB/ CK
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: KTB/ CK

Action and Stock of the Day
SET INDEX หลุดแนว 1,570 จุด นิดๆ

คาด SET INDEX วันนี้แกว่งแคบ รอดูผลการประชุม ครม. วันนี้
คาดกลุ่มรับเหมาจะทรงตัวได้แข็งแกร่งกว่าค่าเฉลี่ย
กลยุทธ์การลงทุน ทยอยสะสมหุ้น Big Cap หรือ หุ้นที่ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ นำโดย Nikkei ปิด -2.96% หลัง GDP ใน 3Q57 หดตัวลงสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ด้านตลาดหุ้นไทย แกว่งกรอบแคบ 1,575 จุด +/- แม้ว่า สศค.จะรายงาน GDP ใน 3Q57 เติบโตเพียง 0.6% yoy ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 1.0% yoy ก็ตาม แต่ สศค.ให้สัญญาณเชิงบวกต่อภาคการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว ทำให้หุ้น Big Cap ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ขณะทีกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดดเด่น CK / ITD เพื่อเก็งกำไรต่อการประชุม ครม.วันอังคาร ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,569.07 จุด ลบ 6.81 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 40,451 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดลบมากที่สุด ได้แก่ กลุ่ม IMM -2.17%, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.89% และกลุ่ม Person -1.68% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.57%, กลุ่มอสังหาฯ +0.07% และกลุ่ม ICT -0.60%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.49 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวก โดยเฉพาะ Nikkei ที่ได้รับประเด็นบวกจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่ามากสุดในรอบกว่า 7 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ เราให้น้ำหนักกับการประชุมครม.ในวันนี้ เพราะหาก ครม. ต้องการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หลัง GDP ใน 3Q57 ออกมาอย่างน่าผิดหวัง ขยายตัวได้เพียง 0.6% yoy เทียบกับที่ Bloomberg consensus คาด 1.0% yoy แม้ว่าในรายละเอียดจะเห็นสัญญาณบวกต่อภาคการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น แต่ภาคการส่งออกฟื้นตัวได้ล่าช้ากว่าที่ สศค.คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่ก็เป็นสิ่งที่ตลาดประเมินถึงการส่งออกที่ชะลอตัวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ดังนั้นการประชุม ครม.ในวันนี้ จึงเป็นปัจจัยที่จะกำหนดทิศทาง SET INDEX ในวันนี้และช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ซึ่งประเด็นการพิจารณาที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้ ได้แก่
•การพิจารณาร่าง MoU โครงการรถไฟรางคู่ ระหว่าง รัฐบาลไทย – จีน จำนวน 3 เส้นทาง วงเงินการลงทุน 4.0 แสนล้านบาท
oกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับประโยชน์ทางตรง
oกลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์ทางตรงและอ้อม
•การแถลงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 10 ปี วงเงิน 3.0 ล้านล้านบาท โดยรมว.คมนาคม พล.อ.อ.ประจิณ จั่นตอง
oกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับประโยชน์ทางตรง
oกลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์ทางตรงและอ้อม
•การพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 นำเสนอโดย รมว.คลัง นายสมหมาย ภาษี ซึ่งก่อนหน้านี้ รมว.คลัง ได้ส่งสัญญาณพร้อมเสนอแผน โค้งสุดท้าย เพิ่มเริ่มใช้ได้ทันต้นเดือนธ.ค.
ดังนั้น หาก การประชุม ครม. วันนี้ มีการพิจารณาประเด็นข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นข้อใดข้อหนึ่ง เราเชื่อว่า SET INDEX จะกลับมาแกว่งแคบบริเวณ 1,570-1,580 จุด พร้อมให้น้ำหนักกับโอกาสเกิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ฉบับที่ 2 หากสามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ ก็สามารถผลักดันให้ SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบ 1,590-1,600 จุดในท้ายที่สุด
ดังนั้นแผนการลงทุนในรอบนี้ เราแนะนำให้นักลงทุน ขายทำกำไรในหุ้นที่เก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 3Q57 และปรับพอร์ต เข้าหาหุ้น Big Cap เพื่อดักกระแสเงินทุนทั้งจากสถาบันภายในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ เน้นหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร, กลุ่ม ICT, กลุ่มอสังหาฯ

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
•ดัชนี MSCI Thailand:
i.เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii.ออก: ไม่มี
•ดัชนี MSCI Global Small Cap
i.เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KTIS / PCS / SAWAD / SUPER
ii.ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD
2.ติดตามการประชุมครม.วันนี้: คาดมีการพิจารณาร่าง MoU โครงการรถไฟรางคู่ วงเงิน 4.0 แสนล้านบาท พร้อมลุ้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น หลังเศรษฐกิจ 3Q57 เติบโตต่ำกว่า สศค. และ ธปท. คาดการณ์
3.ECB ส่งสัญญาณพร้อมซื้อพันธบัตรรัฐบาล: ประธาน ECB ให้ความเห็นต่อแนวนโยบายการเงินของ ECB พร้อมที่จะเพิ่มมาตรการผ่อนคลายอีก หากแนวโน้มเศรษฐกิจในอียู แย่มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสมาชิก
MBKET มีความเห็นเป็นกลางถึงบวก ซึ่งหาก ECB จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล มีความเป็นไปไดที่จะเกิดขึ้นในช่วง 1H58 หลังเข้าซื้อ Covered Bond และ ABS ในช่วง 2 เดือนนี้ ไม่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจตามที่คาดหวังไว้ ดังนั้น ผลที่จะตามมาคือ
•ทิศทางค่าเงินยูโรอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
•ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน จะทรงตัวในระดับต่ำ ฟื้นตัวได้อย่างจำกัด
•เกิดโอกาส Euro Carry Trade สร้างสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกิน มากขึ้นในระบบการเงินโลก
•เป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นในยุโรป

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.39 13.98 16.45 14.04
PSE 20.44 17.69 20.36 17.61
JSE 16.66 14.25 16.60 14.18
KOSPI 13.01 10.67 12.87 10.58
TAIEX 13.99 12.88 14.15 13.03
Straits Time 14.31 13.25 14.46 13.38
SHCOMP 10.09 8.98 10.12 9.01
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “เก็งกำไร” ได้แก่
1.CK : ราคาปิด 26.75 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a)การประชุม ครม.วันนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาร่าง MoU โครงการรถไฟรางคู่ มูลค่า 4.0 แสนล้านบาท เป็นโครงการลงทุนระหว่างรัฐบาลไทย – จีน หากผ่านการพิจารณาในวันนี้ ครม.จะนำเสนอต่อ สนช. เพื่อพิจารณา และสามารถลงนาม MoU ได้ภายในสิ้นปีนี้ เป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
b)MBKET เราเลือก CK เป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ด้วยความโดดเด่นของมูลค่างานที่มีอยู่ในมือ บวกกับ เงินลงทุนในบริษัทลูก / บริษัทย่อย ไม่ว่าจะเป็น BECL / TTW/ CKP / BMCL โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BMCL มีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้น หลังงบ 3Q57 ออกมาดีกว่าคาดมาก เป็นบวกต่อ CK ในทางอ้อม
c)แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q57 ของ CK จะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง รวมถึงการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้น CKP จำนวน 21 ล้านหุ้น กำไรก่อนภาษี 228 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรในไตรมาสสุดท้ายของปีคาดทำได้ราย 400-500 ล้านบาท
d)งานในมือ ณ สิ้นไตรมาส 3 เท่ากับ 9.1 หมื่นล้านบาท และหากรวมกับงานที่จะเซ็นสัญญาอีก 2.4 หมื่นล้านบาทใน 4Q57 เท่ากับงานในมือสูงถึง 1.15 แสนล้านบาทรองรับรายได้ไปอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งยังไม่รวมถึงโอกาสได้งานขนาดใหญ่อื่นๆ ที่รัฐบาลจะเร่งออกเปิดประมูลตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นไป
e)ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER15 เท่ากับ 31.47x ต่ำกว่า ITD ที่ 33.68x แต่สูงกว่า STEC ที่ 22.35x อย่างไรก็ตาม STEC กลับมีจุดด้อยกว่า CK ทั้งในแง่ของมูลค่างานในมือที่ต่ำเพียง 4.2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น และขาดความโดดเด่นในแง่ของ Hidden Asset
2.KTB: ราคาปิด 23.00 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)ด้วยประเด็นเชิงบวกต่อการประชุม ครม. วันนี้ อาจมีการพิจารณาแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงโครงการรถไฟรางคู่
b)KTB เป็นธนาคารรัฐ ที่เราเชื่อว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเร่งใช้จ่าย/ การลงทุนจากภาครัฐในช่วง 2-5 ปีจากนี้ไป เพื่อเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงาน และการลงทุนภายเอกชน
c)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 เติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.29x ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.92x, SCB 1.95x และ BAY 1.99x เป็นรองเพียงแค่ BBL ที่ซื้อขาย 1.10x เท่านั้น
e)ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.35% และโดดเด่นกว่าธนาคารใหญ่ในกลุ่มเนื่องจาก KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ธนาคารใหญ่ที่เหลือได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H57 แล้วส่วนนึง

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ดัชนีตลาดบ้าน

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$154 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$177 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -185.6 83.8 12,625.4 9,188.0
KOSPI n.a -236.1 5,789.1 4,875.1
JSE 36.2 -18.7 4,247.4 -1,806.4
PSE 4.6 2.5 793.4 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -0.1 -10.6 162.3 263.2
SET INDEX -9.3 2.2 -425.3 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวเป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -304 +73
SET50 Index Futures (สัญญา) +490 -1,911
SSF (สัญญา) -292 +203
Metal Futures (สัญญา) +3,584 +169
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +654 -707

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 304 ล้านบาท เทียบกับตลอด 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 990 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 15,499 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 490 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 6,088 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิด Long สุทธิอีกครั้ง แม้ว่า S50Z14 จะปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 12 เท่ากับ 2.37 จุด ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าที่ Premium 2.53 จุด
และเป็นที่น่าสังเกตว่า นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิใน Metal Futures เป็นวันที่ 6 มากถึง 3,584 สัญญา รวม 6 วันทำการ Long สุทธิ 5,578 สัญญา เมื่อราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลับมายืนเหนือ US$1,180/ounce ได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง เพียง 654 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยจะขยับขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ โดยผลตอบแทน พันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 2.39bps ปิดที่ 3.015%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 273 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 490 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ADVANC 64.22 9.06% 235.05
PTT 58.99 3.91% 386.30
KBANK 53.44 9.04% 237.72
ITD 25.01 1.93% 6.47
SCB 12.99 1.99% 182.50

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 14 กระจายไปยังกลุ่มหลักๆ
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีกเร่งขึ้นเป็น 1,034 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 344 ล้านบาท รวม 14 วันทำการซื้อสุทธิ 15,320 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 222 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 134 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 172 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 155 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 137 ล้านบาท และกลุ่ม MAI ซื้อสุทธิ 120 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี กลับถูกขายสุทธิสูงสุด 67 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 168 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 406.92 56.04 SCB -186.73 21.97
PTTEP 154.81 15.98 LHBANK -117.43 12.20
SCC 116.36 22.93 IVL -57.38 37.81
EA 108.66 15.67 HMPRO -34.82 13.19
PACE 73.34 7.38 BLA -30.13 19.97

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!