- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 November 2021 23:56
- Hits: 7886
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-11-2021
- Karnchang (CK)
3Q64 กำไรลดลง แต่ดีกว่าคาด
BUY
Share Price THB 21.80
12 m Price Target THB 24.00 (+10%)
Previous Price Target THB 24.00
ผลประกอบการ 3Q64
CK ประกาศผลประกอบการ 3Q64 มีกำไรสุทธิที่ลดลงเหลือ 275 ล้านบาท (-14%QoQ, -64%YoY) แต่ดีกว่าที่เราคาดจะมีกำไร 118 ล้านบาท การแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างรุนแรงในเดือน ก.ค. – ส.ค. มีการล็อกดาวน์แคมป์คนงาน และ ปิดไซด์งานก่อสร้าง ในเดือน ก.ค. และ เดือน ส.ค. – ก.ย. ได้เริ่มกลับมาเปิดแคมป์คนงาน และ ไซต์งานก่อสร้าง แต่จะมีข้อจำกัดที่ต้องมีการเข็มงวด ในลักษณะ Bubble and Seal ระหว่างแคมป์คนงาน และ ไซต์งานก่อสร้าง ทำให้ยอดรับรู้รายได้งานก่อสร้างลดลงเหลือ 2,515 ล้านบาท (-21%QoQ, -34%YoY) ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นไม่เปลี่ยนแปลงมากนักใกล้เดิม 8.2% อย่างไรก็ตามไตรมาสนี้มีผลการดำเนินงานบริษัทลูกเข้ามาช่วย คือ ปันผลจาก TTW 232 ล้านบาท และ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน CKP + BEM 432 ล้านบาท (+41%QoQ, -21%YoY) เข้ามาหนุนกำไร
แนวโน้มผลประกอบการ
ไตรมาส 4Q64 การก่อสร้างเริ่มกลับมาปกติหลัง Covid-19 ผ่อนคลาย มีการคลายล็อกดาวน์ คาดจะมีการเร่งงานก่อสร้างมากขึ้นชดเชยงานก่อสร้างใน 3Q64 ที่หยุดไปใน อย่างไรก็ตามตัวช่วยของบริษัทลูกจะลดลง คือ จะไม่มีปันผลของ TTW 232 ล้านบาท และ CKP จะเข้าสู่ช่วงน้ำน้อยทำให้กำไรลดลง แต่ BEM จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นหลังการเปิดเมือง คาด 4Q64 จะมีกำไรเล็กน้อย รวมปี 2564 คาดจะมีกำไรสุทธิ 888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% CK มี Backlog ปัจจุบันที่ต่ำ 2.8 หมื่นล้านบาท และ มีงานรอลงนามอีก 4.6 หมื่นล้านบาท คือ รถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 2 สัญญา เราคาดหวังโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต ที่ CK มีศักยภาพจะได้งานสูง คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ งานโยธา 7.87 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกและงานเดินรถ 1.27 แสนล้านบาท และ โรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 1,410MW มีงานก่อสร้าง 8.5 หมื่นล้านบาท จะช่วยเติม Backlog เข้าสู่ New S-Curve
คำแนะนำการลงทุน
CK มีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW มีมูลค่าถึง 6.5 หมื่นล้านบาท หรือ คิดเป็น 38 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีแนวโน้มเติมโตในระยะยาว และ ช่วยเพิ่มงานให้ CK รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผล เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 โดยวิธี Sum of the Part เท่ากับ 24 บาท คงแนะนำ TRADING BUY
ความเสี่ยง
การแพร่ระบาดของ Covid-19 อุปสรรคในการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน งานล่าช้า การแข่งขันในงานประมูลโครงการต่างๆ
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Sino-Thai Engineering (STEC)
กำไร 3Q64 เริ่มฟื้นตัว แม้ลดลงYoY
BUY
Share Price THB 13.70
12 m Price Target THB 17.00 (+24%)
Previous Price Target THB 17.00
ผลประกอบการ 3Q64
STEC ประกาศผลประกอบการ 3Q64 มีกำไรเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น 136 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรเพียง 1 ล้านบาท ถ้าหากหักผลขาดทุนจากการถูกฟ้องร้องคดีจำนวน 124 ล้านบาทใน 2Q64 จะมีกำไรปกติที่ฟื้นตัว 9%QoQ ในขณะที่ลดลงจากปีก่อน 42%YoY ดีกว่า Consensus ที่ประเมินกำไรเท่ากับ 116 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างปรับลดลงเหลือ 6,072 ล้านบาท (-14%QoQ, -29%YoY) ถูกผลกระทบด้านลบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 มีการล็อกดาวน์แคมป์คนงาน และ ปิดไซด์งานก่อสร้าง ในเดือน ก.ค. ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นมีพัฒนาการในด้านบวกดีขึ้น 4.4% จากไตรมาสก่อน 3.2% หลังจบงานอาคารรัฐสภา แต่ยังลดลงจากปีก่อน 5%
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 คาดจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ผ่อนคลายลง คาดจะมีการเร่งงานก่อสร้างมากขึ้น โดยการจบงานอาคารรัฐสภา และ รับรู้งานใหม่ๆมากขึ้นจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น แนวโน้มปี 2564 เราคาดรายได้ 30,457 ล้านบาท ลดลง 15% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 518 ล้านบาท ลดลง 53% อย่างไรก็ตามในปี 2565 เราคาดจะมีการฟื้นตัวที่เด่นมากขึ้น จาก STEC เหลือ Backlog มากกว่า 1 แสนล้านบาท เป็นงานใหม่ที่ได้ในปีก่อน และกำลังจะลงนามร่วม 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีมาร์จิ้นดีขึน ในขณะที่งานกำไรน้อยกำลังทยอยหมดไป
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้น STEC ปัจจุบันซื้อขาย P/BV 1.4 เท่า บริเวณ Forward P/BV-2SD ระยะ 10ปี ในขณะที่มีเงินสดในมือและเงินลงทุนในกองทุนเปิดสูง 7 พันล้านบาท เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 17 บาท อิงค่าเฉลี่ย10ปี Forward P/E = 25x คงแนะนำ TRADING BUY
ความเสี่ยง
การแพร่ระบาดของ Covid-19 อุปสรรคในการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน งานล่าช้า การแข่งขันในงานประมูลโครงการต่างๆ
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Sabina (SABINA)
ปรับตัวได้ดีในช่วงล็อกดาวน์
BUY
Share Price THB 19.40
12 m Price Target THB 23.50 (+21%)
Previous Price Target THB 23.50
ผลประกอบการ 3Q64
กำไรสุทธิ 3Q64 ลดลง 12% QoQ และ 36% YoY เป็น 55 ล้านบาท ใกล้เคียงกับตลาดคาด การปิดจุดขายใน 29 จังหวัดในช่วงล็อกดาวน์ทำให้ยอดขายหน้าร้านลดลง 52% YoY แต่ยอดขายทาง Non Store Retailing (NSR) เพิ่มขึ้น 25% YoY เป็น 181 ล้านบาทซึ่งคิดเป็น 34% ของยอดขายรวม (จากปี 2563 ที่ 19%) จากการเปลี่ยนให้พนักงานขายหน้าร้านมาขายสินค้าออนไลน์ และออกสินค้าใหม่ให้เหมาะสมกับการ Work From Home อีกทั้งออกแคมเปญลดราคาสินค้าที่ได้รับการตอบรับดี อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 339 bps YoY เป็น 50.4% จากการกลับมาผลิตชุดชั้นในแทนการผลิตหน้ากากผ้าซึ่งมีอัตรากำไรต่ำกว่า ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลงจากการประหยัดค่าเช่าในช่วงล็อกดาวน์และการทำการตลาดทางออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพดี
แนวโน้มผลประกอบการ
คาดว่ากำไร 4Q64 ฟื้นตัว QoQ จากการที่ร้านกลับมาเปิดหลังคลายล็อกดาวน์ซึ่งจะทำให้ยอดขายทางหน้าร้านเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายทาง NSR ยังมีแนวโน้มเติบโตดีจากการทำแคมเปญลดราคาสินค้าต่อเนื่องซึ่งได้รับผลตอบรับดี อีกทั้งมีแคมเปญ 11.11 ช่วยผลักดันยอดขาย
คำแนะนำการลงทุน
กำไร 9M64 คิดเป็น 74% ของคาดการณ์กำไรปีนี้ เรายังคงประมาณการเดิมที่คาดว่ากำไรปีนี้เท่ากับ 264 ล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน แต่คาดว่ากำไรจะฟื้นตัว 32% เป็น 348 ล้านบาทในปี 2565 อีกทั้งคาดว่า SABINA ยังมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ อัตราผลตอบแทน 4-5% เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 23.50 บาท
ความเสี่ยง
การล็อกดาวน์ ต้นทุนผลิตสูงขึ้น การนำเข้าสินค้าประสบปัญหา
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Krung Thai Bank (KTB TB)
รายได้อ่อนแอ คุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว
HOLD
Share Price THB 11.70
12 m Price Target THB 13.00 (+11%)
Previous Price Target THB 12.00
ถือ เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 13 บาท ชอบ KBANK มากกว่า
คาดว่ารายรับของ KTB จะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากได้เปลี่ยนไปเน้นที่สินเชื่อภาครัฐ (รายรับและผลตอบแทนต่ำ) เพื่อปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ ต้นทุนเครดิตที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ทำให้เราเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปี 64-65 เราใช้ราคาเป้าหมายปี 65 คงแนะนำ ถือ และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 13.0 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 0.5 เท่า, 7.4% ROE) KTB จะยังคงซื้อขายที่มีส่วนลดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เนื่องจากการเติบโตของรายได้ที่อ่อนแอและความเสี่ยงด้านบริการระดับประเทศ เราชอบ KBANK มากกว่า (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 170 บาท) เนื่องจากน่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากกว่า
สินเชื่อภาครัฐโตแกร่งในปี 64 ตั้งเป้าขยายสินเชื่อรายย่อยในปี 65
ผู้บริหารคาดว่าการเติบโตของสินเชื่ออาจชะลอตัวลงเนื่องจากการชำระคืนเงินกู้ในไตรมาส 4/64 หลังจากที่สินเชื่อเติบโต +9.8% YTD ในไตรมาส 3/64 นำโดยสินเชื่อภาครัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 41% YTD ในไตรมาส 3/64 ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น KTB จะหันไปเน้นที่การปล่อยสินเชื่อรายย่อยเพื่อเพิ่มรายได้ในปี 65 ผู้บริหารคาดว่า opex จะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่คาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงจากการเติบโตของรายได้ที่สูงขึ้นในปีหน้า
สินเชื่อโครงการบรรเทาหนี้เพิ่มขึ้น QoQ; คาดต้นทุนสินเชื่อทรงตัวในไตรมาส 4/64
ผู้บริหารคาดสินเชื่อในโครงการบรรเทาหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.17 แสนล้านบาทใน 3/64 จาก 1.08 แสนล้านบาทใน 2/64 และคิดเป็น 5% ของสินเชื่อทั้งหมด จากทั้งหมด 83% เป็นสินเชื่อธุรกิจ (องค์กรและ SME) และ 17% เป็นสินเชื่อรายย่อย รายได้ดอกเบี้ยค้างรับยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 1.91 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/64 (เทียบกับ 1.62 หมื่นล้านบาทในปี 63 และระดับก่อนเกิดโควิด) ที่ 5.8 พันล้านบาทในไตรมาส 1/63 เนื่องจาก 7-8% ของสินเชื่อทั้งหมดอยู่ในโครงการปรับโครงสร้างหนี้โดยมีระยะเวลาชำระคืนที่ยาวนานกว่าและผ่อนชำระรายเดือนลดลง ในแง่บวก เราคาดว่าการผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดจะเกิดขึ้นจะทรงตัว QoQ ที่ 8.0-8.5 พันล้านบาท เนื่องจากตอนนี้ KTB เปลี่ยนไปเน้นที่สินเชื่อภาครัฐที่มี
ความเสี่ยงต่ำ
เพิ่มคาดการณ์กำไรเพื่อสะท้อนต้นทุนเครดิตที่ลดลง
เราเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64-65 ขึ้น 10-11% เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ในส่วนของภาครัฐ ซึ่งนำไปสู่ (1) การเติบโตของสินเชื่อที่สูงขึ้น (2) NIM ที่อ่อนแอลง (3) การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ชะลอตัวและ (4) ต้นทุนเครดิตที่ต่ำกว่า ตอนนี้เราคาดว่ากำไรจะเติบโต 28% และ 8% YoY สำหรับปีนี้และปีหน้า
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ