- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 October 2021 15:34
- Hits: 1803
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-10-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 19 ตุลาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
ยังกังวลเงินเฟ้อ
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นหุ้นอิงการบริโภคฟื้นตัว โดย ATO Picks แนะนำ “CPN, ASK”
CPN
การที่ศูนย์การค้ากลับมาเปิดได้และการระบาดของโควิดเริ่มคลี่คลาย คาดว่าจะทำให้จำนวนลูกค้าเข้าศูนย์การค้าค่อยๆ ฟื้นตัว หนุนรายได้จะกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ 4Q64 ส่วนการเข้าซื้อ SF จะเป็นการขยายพอร์ตโครงการศูนย์การค้าของ CPN และสร้างโอกาสเติบโตมากขึ้นในระยะยาว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท
ASK
คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท (+30%YoY, +12%QoQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดี ซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QoQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65 ในขณะที่ PEปี65 เทรดเพียง 12 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท
INVESTMENT THEME
ดัชนีเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ต่ำคาด : วานนี้สองประเทศมหาอำนาจรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่ำคาด โดยทางฝั่งจีน รายงาน GDP 3Q64 ขยายตัวเพียง 4.9%YoY ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 7.9% และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 5.0% อีกทั้งดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน เดือนกันยายน ก็ขยายตัวเพียง 3.1%YoY ลดลงจากเดือนก่อนที่ 5.3% และแย่กว่าคาดที่ 3.8% ส่วนทางด้านฝั่งสหรัฐฯมีการรายงานดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัว -1.3%MoM ลดลงมากสุดในรอบ 7 เดือน สวนกับที่ตลาดคาดจะขยายตัว +0.1%MoM ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งจากจีนและสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าคาด สร้างแรงกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
ราคาพลังงานสูง ยังกดดันเงินเฟ้อ : ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯยังคงแกว่งตัวในระดับสูง โดยล่าสุดเดินหน้าทำจุดสูงสุดในรอบ 7 ปี ท่ามกลางความต้องการที่ปรับเพิ่มขึ้นเด่น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯคาดจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง เพิ่มโอกาสต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงถัดไป (ธนาคารกลางอังกฤษมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้) สอดคล้องกับทิศทางของตลาดพันธบัตรที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุระยะสั้น ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเพิ่มแรงเก็งกำไรต่อกลุ่มธนาคารใหญ่
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แข็งแกร่งกว่าตลาดภูมิภาค โดยมีแรงซื้อพยุงในกลุ่มปิโตรเคมี, พลังงาน, ธนาคาร และอิเล็กทรอนิกส์ โดย SET ปิดที่ 1,643.92 (+5.58 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.0 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 3,774 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,719 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 9,187 สัญญา)
EYES ON
การรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคาร
19 ต.ค. ใบอนุญาตการก่อสร้าง US, ยอดการสร้างบ้าน US
20 ต.ค. ดัชนี CPI ยูโรโซน
21 ต.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดการขายบ้านมือสอง US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
22 ต.ค. ตัวเลขส่งออกไทย, PMI ภาคการผลิตและบริการ US และยูโรโซน
Singer Thailand (SINGER)
เริ่มเห็นเค้าโครง Boy Band
BUY
Share Price THB 40.00
12 m Price Target THB 49.00 (+25%)
Previous Price Target THB 49.00
ประเด็นการลงทุน
แนวโน้มกำไรใน 3Q64 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทั้งธุรกิจขายสินค้าที่ไม่ถูกปิดสาขา และพอร์ตสินเชื่อC4C ที่เดินหน้าได้ตามเป้าจึงเห็นการเติบโตจากปีก่อน อย่างไรก็ดีเราให้น้ำหนักเชิงบวกกับพัฒนาการบน Synergy ที่เป็นรูปร่างมากขึ้นกับ VGI-U เริ่มเกิดขึ้นในระดับธุรกิจใน 4Q64 เป็นสิ่งที่ตลาดรอคอยและจะหนุนราคาหุ้นเดินหน้าต่อได้ ภายหลังจากการเพิ่มทุนในเดือน พ.ย. ที่กดดันราคาหุ้นช่วงสั้นแล้วเสร็จ เรายังเชื่อมั่นต่อการเติบโตของกำไรไม่น้อยกว่า 40% ในสองปีข้างหน้า ที่มีโอกาสเพิ่มเติมได้จากการใช้ประโยชน์ฐานแฟรนไชส์อันเป็นเอกลักษณ์บริษัท
คาดกำไร 3Q64 เท่ากับ 150 ลบ. -18%QoQ ,+28%YoY
คาดรายได้จากการขายสินค้า 610 ลบ. -20%QoQ,+14%YoY แม้อ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาลเครื่องปรับอากาศที่ลดลงหลังผ่านฤดูร้อน แต่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามฐานแฟรนไชส์ที่มากขึ้น กระบวนการขายกลุ่ม Commercial ยังเดินหน้าได้ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการ ปิดเมือง รายได้ดอกเบี้ย +11%QoQ ตามพอร์ตสินเชื่อขยายตัว 8.9 พันลบ. +7%QoQ จากธุรกิจ C4C ขยายตัวได้ตามเป้า เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัว 17-18% ที่น่าสนใจ คือ คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นทุกธุรกิจเทียบ QoQ จากการปรับขั้นตอนการติดตามหนี้ ทำให้ %NPL -20bps ที่ 3.9% ตามเป้าหมายของบริษัทที่ต่ำกว่า 4% ทำให้ 9M64 มีกำไร 72% ของประมาณการปีนี้ภาพรวมกำไรปีนี้ยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ เท่ากับ 657 ลบ. +48%YoY
เริ่มเห็น Synergy ด้านธุรกิจกับ VGI-U ตั้งแต่ใน 4Q64 แล้ว
นอกเหนือการขยายไลน์สินค้าใหม่ในกลุ่ม Commercial รองรับการเปิดเมือง (ตู้แช่หมูกะทะ) บริษัทยังได้เดินหน้าสร้าง Synergy กับกลุ่ม BTS จาก i) นำสินค้าขายผ่านตัวแทน จาก Fanslink ( ธุรกิจค้าส่งสินค้า IT ที่ถือหุ้นโดย VGI) เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า , อุปกรณ์เสริม IT ,Xiaomi IoTs เป็นต้น ii) การเปลี่ยนแฟรนไชส์กว่า 3,000 สาขา ทั่วประเทศเป็นจุดรับ-ส่งสินค้า (Drop point) ของ Kerry (KEX) ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้บริการสูงขึ้น ขณะไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่ม แม้รายได้ข้างต้นอาจเกิดขึ้นไม่มากในช่วงเริ่มต้น แต่เราเชื่อว่าจะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565 เป็น Upside risk ที่ตลาดยังไม่ได้ใส่ไว้ในประมาณการ
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 49 บาท
กระบวนการเพิ่มทุนในเดือน พ.ย.อาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นช่วงสั้น แต่เรามองเป็นโอกาสสะสม ด้วยแนวโน้มกำไรขยายตัว +61/+41%YoY ในปี 2564-65 สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 10-15%YoY ราคาหุ้นสมควรที่บริษัทจะมี premium คงคำแนะนำ ซื้อ บนราคาเหมาะสมปี 2565 เท่ากับ 49.00 บาท อิง P/E 35 เท่า ในระยะกลางมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการนำ SGC เข้าจดทะเบียนในตลาดฯช่วงกลางปีหน้า ปลดล็อคมูลค่าและข้อจำกัดทางการเงิน
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
TOA Paint (Thailand) (TOA)
กำไร 3Q64 จะทรุดลง แนวโน้มฟื้นตัว
BUY
Share Price THB 33.25
12 m Price Target THB 40.00 (+20%)
Previous Price Target THB 40.00
ประเด็นการลงทุน
ผลประกอบการไตรมาส 3Q64 จะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างหนักในไทย และ เวียดนาม และ ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่แนวโน้ม 4Q64 คาดจะฟื้นตัว หลังCovid-19ผ่อนคลาย และเป็นช่วงไฮซีซั่นของการทาสีอาคาร แนวโน้มรวมปี 2564-65 คาดจะเติบโต TOA มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือ และ เงินลงทุนระยะสั้นสูง 7.8 พันล้านบาท เราประเมินราคาเป้าหมายปี2565เท่ากับ 40 บาท บนฐาน Forward P/E เฉลี่ยประมาณ 35 เท่า เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน
คาดกำไร 3Q64 จะทรุดลง ถูกกระทบจาก Covid-19 และ ต้นทุนวัตถุดิบ
ไตรมาส 3Q64 จะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างหนักในไทย และ เวียดนาม คือ ในไทยเดือน ก.ค. มีการปิดแคมป์คนงานและไซต์งานก่อสร้าง ปิดโมเดิร์นเทรดบางสาขา ล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม ทำให้ยอดขายลดลงมากกว่า 10%YoY เดือน ส.ค. ลงเล็กน้อย และ ฟื้นตัวในเดือน ก.ย. ส่วนเวียดนาม มีการล็อกดาวน์ อย่างเข้มงวด รวมแล้วคาดจะทำให้ยอดขายลดลงเหลือ 3,820 ล้านบาท (-15%QoQ, -5%YoY) และ อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะถูกกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเหลือ 31.5% จาก 33.8% ในไตรมาสก่อน และ 37.2% ในปีก่อน รวมแล้วคาดจะทำให้กำไร 3Q64 ทรุดลงเหลือ 355 ล้านบาท (-35%QoQ, -32%YoY)
แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 จะฟื้นตัว และ ปี2564 จะเติบโต
แนวโน้มไตรมาสสี่คาดจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ผ่อนคลาย ทั้งในไทย เวียดนาม และ ภูมิภาคนี้ และ เป็นช่วงไฮซีซั่นของการทาสีอาคาร นอกจากนี้ใน 4Q64 TOA ได้ทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้นรอบสองของปีนี้ หลังการปรับเพิ่มราคารอบแรกประมาณ 3-8% ได้เสร็จสิ้นในไตรมาสสามที่ผ่านมา เพื่อชดเชยการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน จะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น แต่จากผลประกอบการ 3Q64 ที่น่าผิดหวัง เราปรับประมาณการลดลง แต่รวมปี2564จะยังเติบโตจากปีก่อน เราคาดจะเติบโต 5% สู่ระดับ 17,110 ล้านบาท และ คาดจะมีกำไรเท่ากับ 2,133 ล้านบาท เติบโต 5%
ขยายสู่วัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้น คาดปี 2565 จะเติบโตต่อ
TOA ได้ขยายธุรกิจตลาดวัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้นช่วยเสริมการเติบโต เช่น กระเบื้อง อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และ เครื่องมือต่างๆ คาดปีหน้าจะช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 300-500 ล้านบาท การเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ “MEGA PAINT & HOME” ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและบริการจากทีโอเอครบวงจร แบบ One stop service ตั้งเป้าจะเปิดในปีนี้ 15 สาขา เพื่อสนับสนุนการเติบโต ปี2565เราประเมินยอดขาย 17,966 ล้านบาท เติบโต 5% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,320 ล้านบาท เติบโต 9%
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Tata Steel (Thailand) (TSTH)
กำไร 2Q64/65 เซอร์ไพร์สูงเด่นต่อ
SELL
Share Price THB 1.69
12 m Price Target THB 1.50 (-11%)
Previous Price Target THB 1.32
ผลประกอบการ 2Q64/65
TSTH ประกาศผลประกอบการ 2Q64/65 (ก.ค.-ก.ย. 2564) มีกำไรที่สูงเด่นต่อถึง 922 ล้านบาท (+9%QoQ, +593%YoY) ผลประกอบการได้แรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ยของ TSTH ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อ 24,216 บาท/ตัน (+6%QoQ, +54%YoY) ในขณะที่ปริมาณขายเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก 326,000 ตัน (-6%QoQ, +5%YoY) รวมแล้วทำให้มูลค่ายอดขายใกล้เคียงไตรมาสก่อน 7,894 ล้านบาท (0%QoQ, +62%YoY) การที่ราคาขายเฉลี่ยปรับขึ้นในขณะที่ TSTH มีสต็อกประมาณ 1.5-2 เดือน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งขึ้นเป็น 14.2% จาก 13.2% ในไตรมาสก่อน และ 5.7% ในปีก่อน
แนวโน้มผลประกอบการ
ราคาเหล็กเส้นขนาด 16มม. ปัจจุบันเคลื่อนไหวระหว่าง 23,500-24,000 บาท/ตัน ใกล้เคียงไตรมาสก่อน ในขณะที่ต้นทุนเศษเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากข้อมูลของสถาบันเหล็กขึ้นมาประมาณ 16,000 บาท/ตัน เทียบกับราคาเฉลี่ยในไตรมาสก่อน 15,683 บาท/ตัน ซึ่งอาจจะกดดันผลประกอบการ จากผลประกอบการ 2Q64/65 ที่สร้างเซอร์ไพร์สูงเด่น และ ราคาเหล็กเส้นที่ยังอยู่ในระดับสูง เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก คาดกำไรปีนี้จะสูงถึง 2,091 ล้านบาท เติบโต 229% แต่สถานการณ์ปีหน้าคาดราคาเหล็กจะไม่ปรับขึ้นต่อเนื่องจะทำให้กำไรลดลง 56% เหลือ 918 ล้านบาท
คำแนะนำการลงทุน
เราเปลี่ยนไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า และ อิงกับมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นได้เท่ากับ 1.50 บาท เพิ่มจากเดิม 1.32 บาท จากประมาณการที่ปรับเพิ่มขึ้น เทียบกับหุ้นกลุ่มเหล็กชั้นนำของโลกจะมีค่า Median P/BV เท่ากับ 0.82 เท่า ส่วน TSTH มี P/BV 1.2 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบัน 1.69 บาท พุ่งขึ้นจากต้นปีถึง 152%YTD และ สูงกว่าราคาเป้าหมายเรา ดังนั้น เราคงแนะนำ ขาย โดยระยะสั้นคาดราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกจากกำไร 2Q64/65 ที่สร้างเซอร์ไพร์สูงเด่นต่อ
ความเสี่ยง
ราคาเหล็กผันผวน, อุตสาหกรรมเหล็กยังล้นตลาด, ความต้องการยังไม่แน่นอน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ